สลด..เจ้าของร้านอาหารทะเลาะกับเพื่อนบ้านใกล้กันมาเป็นปี ปมนำสุนัขมาขี้ใกล้ร้าน ก่อนจบที่เจ้าของร้านถูกรัวหมัดจนเสียชีวิต

 

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2566 เวลาประมาณ 06.30น. รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ว่าเกิดเหตุทำร้ายร่างกายกัน มีผู้เสียชีวิต 1ราย บริเวณถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ลำปาง-งาว (สายใน)หน้าร้านอาหารเรือนแพ เยื้องอนุสาวรีย์พ่อเจ้าทิพย์ช้าง ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง จากนั้นจึงได้ประสานไปยัง เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ร.ต.ท.พัลลภ บุญส่ง ร้อยเวร สภ.เมืองลำปาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ,เจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.เมืองลำปาง ,เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง และ จนท.หน่วยกู้ภัยสว่างนครลำปาง รุดไปยังที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย สภาพสวมเสื้อโปโลสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีเทา นอนหงายอยู่บนเกาะกลางถนน สภาพศพบริเวณใบหน้ามีร่องรอยถูกทำร้าย มีเลือดไหลออกจมูกและฟกช้ำตามใบหน้า ใกล้กับศพมีท่อนเหล็กสีดำ ยาวเกือบ 2 เมตร และพลั่วเหล็กวางอยู่ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นายชนะเดช สงวนนามสกุล อายุ 68 ปี เป็นเจ้าของร้านอาหารใกล้ที่เกิดเหตุ ชาว ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง

ส่วนคู่กรณีที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกาย ได้ยืนรออยู่ในที่เกิดเหตุไม่ได้หนีไปไหน ทราบชื่อคือ นายอัศวิน อายุ 54 ปี ชาว ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งบ้านอยู่ใกล้กันกับผู้ตาย สภาพมีร่องรอยการต่อสู้ เลนส์แว่นตาหลุดไป 1 ข้าง

จากการสอบสวน นายอัศวิน เล่าว่า ตนและผู้ตายมักจะมีปากเสียง กันประจำ เนื่องจากแม่ของตนและตนมักจะนำสุนัขมาออกกำลังกาย แล้วมาอุจจาระบริเวณข้างทาง ใกล้ร้านของนายชนะเดช ซึ่งทำให้นายชนะเดชไม่พอใจ และมักจะนำหนังสติ๊กมาไล่ยิงเป็นประจำ ซึ่งมีปัญหากันมาเป็นปีแล้ว

และในวันนี้ นายชนะเดชก็ได้มาดักรอ แต่คราวนี้ นายชนะเดชได้ถือพลั่วเหล็ก กับ ท่อนเหล็กยาวมาด้วย ก่อนจะเกิดการทะเลาะวิวาทโดย นายชนะเดช ถือ 2 อย่างไม่ไหวจึงวางพลั่วเหล็กลง แล้วนำท่อนเหล็กมาตี ตนจึงรีบคว้าพลั่วมากัน แล้วตีสวนไป ไม่ทราบว่าโดนหรือไม่โดน จนนายชนะเดชล้มลง ต้นจึงใช้หมัดสาวเข้าที่หน้าไปหลายครั้งจนนายชนะเดชแน่นิ่งไป แล้วมารู้ต่อมาว่าเสียชีวิตไปแล้ว จากนั้นต้นก็ไม่ได้หนีไปไหน แล้วโทรเรียกเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว ซึ่งตนก็รอมอบตัว เพราะอดไม่ไหวกับครั้งนี้แล้วจริงๆ

อย่างไรก็ตามเจ้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวน เพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.