ผู้ประกอบการโร่แจ้งความหลังเจอโครงการจัดซื้อทิพย์สูญหลายล้านบาท

 

ผู้ประกอบการจำหน่ายคอมพิวเตอร์ทั้งแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ โร่เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสาวสำหนักงานป่าไม้จังหวัดแม่ฮ่องสอนดอดทำเอกสารจัดซื้อปลอม หลังขายและส่งมอบอุปกรณ์ให้นานหลายเดือนแล้วไม่ได้เงิน พบผู้เสียหายเพียบและวงเงินสูงหลายล้านบาท


เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 นี้ บรรดาผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงาน ได้รวมตัวกันมาร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า ก่อนหน้านี้ได้มีพนักงานสาวรายหนึ่งของสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ติดต่อและทำเรื่องจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ กับร้านค้าหลายแห่ง ทั้งที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอขุนยวมและที่จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นได้มีการส่งมอบสินค้าด้านไอที ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เทปเล็ตและกล้องถ่ายรูป โดยมีการส่งมอบทั้งที่ด้านนอกของสำนักงาน ที่บ้านพักหรือมีการมารับเองถึงที่ร้าน จากนั้นก็มีการตั้งเรื่องเพื่อทำการเบิกจ่ายตามขั้นตอนปกติ แต่ความลับกลับมาแตกเมื่อแต่ละร้านได้มีการทวงถามหนี้ค้างชำระที่เกินกำหนด ซึ่งพนักงานรายนี้กลับบ่ายเบี่ยงหรือขอเลื่อนระยะเวลาการชำระออกไป โดยให้เหตุผลต่างๆ นานา แต่เมื่อบางรายได้มีการทวงถามไปที่สำนักงานก็พบว่าไม่มีโครงการจัดซื้อดังกล่าวแต่อย่างใด ทำให้ผู้ประกอบการเองได้สอบถามไปยังร้านค้าอื่นๆ ก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่ามีการจัดซื้อในลักษณะเดียวกันไปอีกหลายร้าน มีมูลค่าการสั่งซื้อในวงเงินตั้งแต่รายละ 300,000 จนถึง 1,400,000 บาทและยังไม่มีร้านค้ารายใดได้รับการชำระหนี้เช่นเดียวกัน


ต่อมาผู้ประกอบการทั้งหมดได้เดินทางไปขอเข้าพบกับ นายเกษม คำมา ผู้อำนวยการสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเพิ่งเดินทางมารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อขอทราบความคืบหน้าของทางหน่วยงานในการดำเนินการกับกรณีที่เกิดขึ้น โดยการเข้าพบในครั้งนี้ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังและหลังการเข้าพบของผู้ประกอบการที่ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง นายเกษมก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ กับสื่อมวลชน โดยแจ้งผ่านเลขาว่ายังไม่ได้รายงานไปยังอธิบดีและไม่สะดวกให้ข้อมูลใดๆ


จากนั้นผู้ประกอบการทั้งหมด 8 ราย ก็ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองแม่ฮ่องสอน ให้ดำเนินคดีกับ นส.A (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ ส่วนอำนวยการ สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ปัจจุบันได้โยกย้ายมาอยู่ในส่วนงานป้องกันและรักษาป่า ที่เป็นคนเดินเรื่องตั้งแต่ติดต่อร้านค้า สั่งซื้อและตรวจรับสินค้าเองทุกขั้นตอนแบบเบ็ดเสร็จ
ด้านผู้ประกอบการเปิดเผยว่า ตอนนี้เราพบแล้วว่าเกิดความเสียหายกับร้านค้าและผู้ประกอบการแล้ว เพราะมีการสั่งซื้อสินค้าทั้งคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊คและสินค้าไอทีมากมาย แต่ยังไม่ได้รับเงิน จึงต้องมาร้องเรียนและเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นส.A ผู้เสียหายแต่ละคนก็มีตัวเลขตั้งแต่ 6 หลักขึ้นไป ซึ่งทางเราต้องการทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดจากอะไร ว่าเกิดจากคนหรือเกิดจากระบบของทางราชการของสำนักงาน ความคิดเห็นของผู้ประกอบการเองคิดว่าน่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะวงเงินมากขนาดนี้ไม่น่าจะทำคนเดียวได้ ซึ่งจะเห็นจากมีการทำที่มีการวางแผนมาก่อน จากนี้ไปเรื่อย ๆ และที่ผ่านมานั้นก็เริ่มแน่ใจแล้วว่าน่าจะโดนหลอก เพราะทวงถามเมื่อไหร่ก็จะเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด จนกระทั่งนำเอกสารการสั่งซื้อไปสอบถามที่สำนักงานก็เลยทราบว่าไม่เป็นความจริง เป็นธรรมดาของระบบการซื้อขายของทางราชการที่ไม่สามารถจ่ายเป็นเงินสดได้ เราก็ได้กำหนดห้วงเวลาของการชำระเงินไว้ทุกการสั่งซื้อ แต่ก่อนหน้านี้ก็มีการติดต่อซื้อขายกันมาตลอดจนเกิดความไว้ใจจนกระทั่งมาเกิดเรื่องขึ้นในครั้งนี้ ส่วนการเข้าพบผู้บริหารของสำนักงานดังกล่าว ก็พบว่าเพิ่งมารับตำแหน่งใหม่ก็สอบถามที่ไปที่มาของเหตุที่เกิดขึ้น จากนี้ก็ต้องให้เค้าไปดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของเค้าตามระบบต่อไป แต่จากการเจรจากับผู้ก่อเรื่องวันนี้เค้าก็ยอมรับไปในส่วนที่เค้าทำ ในส่วนการชดใช้หรือจ่ายหนี้นั้น นส.A ก็ไม่เคยให้คำตอบอะไรเลย แต่โดยส่วนตัวแล้วผู้ประกอบการเองกผ้ยังหวังว่าจะได้เงินคืนบ้าง เพราะมั่นใจว่าจะต้องมีการทำเป็นขบวนการ คนเดียวทำไม่ได้แน่นอนทุกครั้งที่แต่ละร้านจัดส่งของก็จะส่งให้สำนักงานเท่านั้น ส่วนตัวจะไม่ให้อยู่แล้ว เราให้ของเพราะมีเอกสารจากสำนักงานทางร้านจึงให้สินค้าไป แต่ต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการเองก็พลาดที่ไปส่งของให้โดยยังไม่เห็นคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ แต่ทุกครั้งก็จะส่งที่ภายในพื้นที่ของสำนักงานเค้าตลอด ซึ่งก็มี นส.A นี่แหละที่เป็นผู้รับสินค้าเองทุกครั้ง ที่มั่นใจเพราะมีลายเซ็นของผู้บริหารอยู่ในเอกสารด้วย ที่ผ่านมาก็ไม่เคยพบปัญหาจนกระทั่งมาเจอในปีนี้ เมื่อมีการพูดคุยกันก็เจอปัญหาแบบเดียวกัน กว่าจะรู้ก็คือโดนโกงไปแล้ว ณ ตอนนี้มีผู้เสียหาย 8 ราย มูลค่าความเสียหายราว 6 ล้านบาท ตอนนี้ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางผู้ประกอบการเพียงสถานเดียวเท่านั้น แต่หากไม่ชดใช้ผู้ประกอบการเองก็ยังไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรเหมือนกัน……


ในเวลาต่อมา นส.A (นามสมมุติ) ก็ยอมเปิดปากถึงกรณีดังกล่าวนี้ ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มาจากปัญหาหนี้นอกระบบที่ตนเองไปกู้มา ก็มียอดเป็นหลายล้านเหมือนกัน แรกๆ ก็นำเอามาปล่อยให้กู้ให้กับคนในสำนักงานก็มีรายได้พอสมควร จนกระทั่งมาเกิดปัญหาเพราะหมุนเงินไม่ทันจนกลายเป็นหนี้สะสมจำนวนมาก ในแต่ละวันจะต้องหาเงินมาใช้หนี้เป็นยอดหลักแสนต่อวัน จนต้องมาก่อเหตุขึ้นในครั้ง เพื่อหาทางนำเงินมาชำระกับเจ้าหนี้นอกระบบดังกล่าว ส่วนที่มีคนสงสัยว่าวงเงินความเสียหายสูงมากไม่น่าจะกระทำการเพียงคนเดียวได้นั้น เรื่องนี้ตนเองขอไม่ตอบ จากนี้ไปก็พยายามหาทางแก้ไขปัญหาหรือตกลงกับผู้เสียหายอีกที หรือให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะปัญหาหนี้นอกระบบบีบคั้นให้ต้องทำแบบนี้ ไม่งั้นตนเองก็ต้องเจอปัญหาการติดตามทวงหนี้โหด บางครั้งก็ทำร้ายร่างกาย มาถึงสำนักงานหรือที่ทำงานทำให้อับอาย บางครั้งก็ประจานลงเพสบุ๊ค หนี้ทุกวันนี้ก็ยังไม่ยอมลดลงเพราะเป็นหนี้แบบรายวัน ส่วนของที่ได้มานั้นก็ส่งออกขายที่ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่เคยนำออกขายที่ในไทยแต่อย่างใด โดยจะทำการซื้อขายผ่านเพสบุ๊คและส่งสินค้าผ่านทางขนส่งเอกชนสาธารณะทั่วไปได้ตามปกติและสามารถยืนยันถึงแหล่งที่นำของส่งขายได้ จนถึงขณะนี้ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป คงต้องว่ากันไปตามกฎหมายก่อน ถึงตอนนี้ก็อยากจะบอกกับคนที่กำลังจะไปกู้หนี้นอกระบบว่ามันอันตรายมาก อาจทำให้ชีวิตพังได้เลย อยากฝากให้เป็นอุทธาหรณ์ว่าอย่าไปกู้นอกระบบอีกเลย แรกๆ ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่มีคนบอกให้ไปกู้มาให้เพื่อช่วยเหลือและมีผลทางด้านการงานด้วยก็เลยดำเนินการให้ ทั้งของตนเองและคนที่บอกให้ไปกู้ก็เลยเป็นต้นที่ทวีคูณขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะกู้มา 10,000 ต้องจ่ายวันละ 1,000 บาท ซึ่งวงจรของหนี้นอกระบบในพื้นที่มีอยู่เกลื่อนเมือง แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้ติดการพนัน มีเพียงการซื้อหวยแต่ละงวดเท่านั้นเอง…… ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ก็ยังมีรายงานว่ามีผู้เสียหายอีกอย่างน้อย 2 ราย ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแม่ฮ่องสอนเพิ่มเติมด้วย

  

วิรัตน์ นันทะพรพิบูลย์ จ.แม่ฮ่องสอน – รายงาน