แม่ฮ่องสอน ชายแดนไทย-เมียนมาด้านแม่ฮ่องสอนฝั่งเพื่อนบ้านปะทะหนัก

 

สถานการณ์บริเวณพื้นที่แนวชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีรายงานข่าวสารการปะทะกัน ระหว่างทหารเมียนมากับ กองกำลังชนกลุ่มน้อยและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา บริเวณแนวชายแดนพื้นที่ ด้านตรงข้ามกับ 2 อำเภอมาอย่างต่อเนื่อง ผลมีผู้หนีภัยสู้รบทะลักเข้าแม่ฮ่องสอนต่อเนื่อง


ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่อง สอน ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลความปลอดภัย และการให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม กับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านเสาหิน ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง และพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านพะแข่ ตำบลแม่กิ๊ อำเภอขุนยวม จากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนปัจจุบัน ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ที่มีความกังวลจากสถานการณ์ในพื้นที่ ได้เดินทางเข้ามายังฝั่งไทย จำนวน 3,877 คน ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 2 พื้นที่ คือพื้นที่ปลอด ภัยชั่วคราว บ้านเสาหิน หมู่ที่ 1 ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 3,204 คน และในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านพะแข่ หมู่ที่ 3 ตำบลแม่กิ๊ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 673 คน (ตัวเลขเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 17 มิถุนายน 2566) ที่สำคัญยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นของผู้หนีภัยการสู้รบทะลักเข้ามามากตามไปด้วย


ทั้งนี้ ศูนย์สั่งการชายแดนไทย- เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ด้านตรงข้ามพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้น ประเทศ ไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ของทั้งสองฝ่าย และไม่สนับสนุนให้กับฝ่ายใดใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นพื้นที่สนับสนุนผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง ในการนี้ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่งดการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว เพื่อความปลอด ภัยในชีวิต และทรัพย์สิน รวมถึงขอความร่วมมือจากสื่อ มวลชน และทุกภาคส่วน ในการตรวจสอบข่าวสาร ข้อเท็จจริงก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ให้กับประชาชน เพราะข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงนั้น จะสร้างความแตกตื่น และความหวาดกลัว ให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยประชาชนสามารถรับฟังข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงได้จากการแถลงข่าวประจำวันของ ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย- เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ในขณะที่ในระยะนี้ยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์การสู้รบในรัฐคะยา ประเทศเมียนมา มีรายงานว่า กองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยงคะยา ประกอบด้วย กลุ่ม KA, KNDF และกลุ่ม PDF ได้ทำการโจมตีทหารเมียนมาที่ส่งมากวาดล้างฝ่ายต่อต้านในพื้นที่รัฐคะยา ที่ อำเภอบอลาแคะ พื้นที่บ้านแม่แจ๊ะ จังหวัดลอยก่อว์ ทำให้มีการสู้รบกันอย่างหนัก ส่งผลให้ราษฎรชาวกะเหรี่ยงคะยาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวพากันหลบหนีเข้าสู่ไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทางด้านกลุ่มทหารติดอาวุธกลุ่มคะยา ได้เปิดการโจมตีฐานที่มั่นทหารเมียนมา บริเวณตรงข้ามช่องทางห้วยต้นนุ่น ตำบลแม่เงา อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้มีการสู้รบอย่างหนักและต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ซึ่งเสียงของการปะทะนั้นบางครั้งสามารถได้ยินถึงในฝั่งไทย


ทางด้านฝ่ายปกครองของอำเภอแม่สะ เรียงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมหารือเพื่อบริหารจัดการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยตั้งแต่เข้ามาวันที่ 13-16 มิ.ย ในพื้นที่ ต.เสาหิน มีจำนวน 3,076 คน คาดว่าคงมีแนวโน้มจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน ทั้งนี้สิ่งของทุกอย่างจำเป็น ฉุกเฉิน เร่งด่วน จะจัดระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร และได้เตรียมแผนการจัดตั้งศูนย์ประ สานงานร่วมกับกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง จัดระบบการรับของ ส่งของ ระบบข้อมูล การจัดรถขนส่งเข้าในพื้นที่ จัดเตรียมที่พักอาศัย ห้องน้ำ อาหาร แหล่งน้ำ ยารักษาโรค หากมีเจ็บป่วย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนนี้ในพื้นที่จะมียุงเยอะมาก หวั่นจะเกิดการระบาดของโรคไข้มาลาเรีย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง ที่มีทั้งเด็กและผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ สิ่งที่จำเป็นที่สุด นมเด็ก ผ้าอ้อม ผ้าอนามัย จำเป็นมาก และการจัด การเรื่องขยะ ทั้งนี้ มีรถบรรทุกสิ่งของเข้าไปจำนวนมากและบรรทุกหนักทุกวัน ทำให้ถนนเริ่มทรุดพัง ลำบากมากในห้วงฤดูฝน ที่ต้องรีบดำเนินการเร่งด่วนให้ใช้การได้โดยเร็ว


ด้านนายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสื่อโซเชี่ยลว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ตนได้เข้าพื้นที่ในนามศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้หนีภัยสงครามชายแดน เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้ชาวบ้านชุมชนฝั่งรัฐคะเรนนีต้องหลบหนีมาเพื่อความปอลดภัย ซึ่งทางการไทยได้จัดพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวไว้ที่บ้านเสาหิน และได้ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม แต่ด้วยสถานการณ์ค่อนข้างฉุกละหุก และมีชาวบ้านหนีมาค่อนข้างจำนวนมาก จึงทำให้การเตรียมพร้อมนั้นเริ่มมีปัญหาหลายด้านในการให้ความช่วยเหลือ ทั้งเรื่องสถานที่ในการรองรับไม่เพียงพอ ด้านการสาธารณสุข อาหาร น้ำสะอาด เป็นต้น เพราะชาวบ้านที่หนีมา มีทั้งเด็กแรกเกิด หญิงมีครรภ์ ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการโดยบางมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ทางจังหวัดและปกครอง จะต้องประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน องค์กรด้านมนุษยธรรม ในการให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ โดยเร่งด่วนหรือตั้งกลไกเฉพาะกิจที่มาจากฝ่ายต่างๆ ร่วมบูรณาการในการช่วยเหลือในนามศูนย์เฉพาะกิจ ช่วยเหลือผู้หนีภัยสงครามชายแดน มีข้อเสนอดังนี้
1. ควรมีกลไกประสานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร่งด่วน เพราะการให้หน่วยงานรัฐบางหน่วยงานรับผิดชอบโดยลำพังทำให้มีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งเรื่องบุคลากรและงบประมาณคนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
2. ควรเร่งจัดพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ที่มีความพร้อม ทั้งสถานที่ สาธารณสุข ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ และน้ำอุปโภคบริโภคที่สะอาด เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน ผู้ลี้ภัยอาจเสี่ยงต่อโรคติดต่อได้
3. จัดระบบคัดกรอง เพื่อสะดวกในการจัดระบบโซนอยู่อาศัยที่ปลอดภัย และป้องกันโรคติดต่อ เพราะชาวบ้านมาจากหลายพื้นที่ หลายหมู่บ้าน ต่างครอบครับ มีทั้งคนเจ็บป่วย หญิงมีครรภ์ เด็กแรกเกิด ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ฯลฯ
4.ควรมีศูนย์ประสานงานในการบริหารจัดการพื้นที่ชั่วคราวที่ชัดเจน เพื่อบริหารจัดการทั่วถึง ทั้งเรื่องการรับบริจาคและความช่วยเหลือในด้านต่างๆ
5.ควรจะมีการขออาสาสมัคร จากหน่วยงานต่างๆ หรือองค์กรที่มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือ เข้าร่วมด้วยช่วยกันในการบริหารจัดการพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จนกว่าเหตุการณ์จะสงบและชาวบ้านสมัครใจกลับสู่ภูมิลำเนา
ในขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคง โดยทหารกองกำลังนเรศวรและหน่วยเฉพาะกิจสิงหนาทแม่ฮ่องสอน ได้กำหนดแผนให้กำลังพลดูแลความปลอดภัยพื้นที่ตลอดแนวชายแดนอย่างเต็มกำลัง

   
วิรัตน์ นันทะพรพิบูลย์ จ.แม่ฮ่องสอน – รายงาน