แม่ฮ่องสอน สายตรวจปราบปราม สบอ.16 ร่วมกับ อช.แม่สะเรียง ปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายป่าไม้ พบตอไม้สักและไม้แปรรูป พื้นที่ใกล้เขตอุทยานอื้อ

โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งข่าวจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า มีการลักลอบตัดไม้และแปรรูปไม้บริเวณป่าข้างทาง เส้นทางระหว่างหมู่บ้านห้วยหนองหวาย – บ้านห้วยงู หมู่ที่ 10 ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย ใกล้แนวเขตอุทยานแห่งชาติแม่สะเรียง

จึงได้จัดเจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปราม ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง นำโดยนายมิตร อุตมะ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแม่สะเรียง(เตรียมการ) นำโดยนายลิขิต ไหวพรหม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่สะเรียง(เตรียมการ) ได้ร่วมกันออกตรวจลาดตระเวนปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่สะเรียง(เตรียมการ) ในพื้นที่ดังกล่าว

คณะเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังตรวจสอบรอบๆ บริเวณที่ได้รับแจ้ง พบตอไม้สักจำนวน 1 ตอ และพบไม้สักแปรรูปวางกองกระจัดกระจาย ในที่เกิดเหตุไม่พบผู้ใดไม้สักแปรรูปดังกล่าว มีลักษณะใหม่สด ไม่เคยผ่านการเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ใดๆ มาก่อนไม่พบรูปรอยดวงตราของทางราชการตีประทับไว้แต่อย่างใด

พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไม้สักแปรรูปของกลางพร้อมกับใช้ดวงตราตีประทับไว้ที่ไม้สักแปรรูปไว้เป็นหลักฐาน คำนวณปริมาตรได้ไม้สักแปรรูป จำนวน 19 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 0.497 ลบ.ม. คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐ เป็นเงิน 59,640 บาท และขออนุมัติพนักงานสอบสวนชักลากไม้ไปเก็บไว้ที่ปลอดภัย

ทั้งนี้ ไม้สักแปรรูปดังกล่าว เป็นไม้หวงห้ามตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการทำไม้โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ว่าด้วยการกระทำความผิด

1.พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11 ประกอบมาตรา 73 ฐาน “ทำไม้หวงห้าม หรือทำอันตรายด้วยประการใดๆ แก่ไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่ และเป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับไม้สัก” มาตรา 48 ประกอบมาตรา 73 ฐาน “ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ มีไม้สักแปรรูปไม่ว่าจำนวนเท่าใดไว้ในครอบครอง และแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต”   2.พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31 ฐาน “ทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายแก่ไม้สัก”
ซึ่งจะได้สอบสวนถึงตัวการในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป