เชียงใหม่_ สาวเจ้าของกระเป๋าแบรนด์เนม ร้องไห้หลังถูกชาวเนตตราหน้าเป็นมิจฉาชีพ ย้ำรับคำขอโทษเป็นเงิน 2 ล้านเท่านั้น จี้รีบเปลี่ยนชื่อเป็นสรพงษ์ตามที่ลั่นวาจาไว้ ล่าสุดเตรียมเข้ากรุงเทพฯ ตามคืบหน้าคดี

ความคืบหน้ากรณีสาวนำขายกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อ Hermes ให้กับร้านรับซื้อในราคา 395,000 บาทเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา แต่เจ้าของร้านกลับบอกว่ากระเป๋าเป็นของปลอมพร้อมกับใช้ปากกาเมจิกเขียนลงบนกระเป่าว่า “ปลอม” และไม่ยอมคืนกระเป๋าให้จนเกิดเรื่องราวดราม่า โดยทางเจ้าของร้านแสดงความมั่นใจถึงกับประกาศว่าหากตรวจแล้วว่าเป็นของจริงจะโอนเงินให้ 2 ล้าน พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น “สรพงษ์” และจะเลิกเป็นสาวสองในทันที   หลังเกิดประเด็นถกเถียง The Catch fake Brandname จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นสถาบันสอนดูกระเป๋าแบรนด์เนมแห่งแรกของประเทศไทย ตรวจเบื้องต้นแล้วระบุว่าเป็นของแท้ แต่จะต้องรอผลการยืนยันอีกครั้งจากสหรัฐอเมริกา ขณะที่เจ้าของร้านโอนเงินเข้าสบัญชีเจ้าของกระเป๋าช่วงบ่ายวานนี้เป็นเงิน 395,000 บาท ตามราคาซื้อขายที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก

ล่าสุดวันที่ 19 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวได้ไปนางสาวจิดาภา ชีนารักษ์ อายุ 24 ปี เจ้าของกระเป๋าใบดังกล่าว ที่บ้านพักใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยนางสาวจิดาภา ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าจะไม่ขอรับเงินจำนวน 395,000 บาท ที่โอนเข้าบัญชีมาเมื่อวานนี้ โดยทันทีที่ทราบว่าเงินเข้าบัญชีก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยยืนยันจะขอรับเงิน 2 ล้านบาทเท่านั้น ตามที่เจ้าของร้านได้ท้าไว้ รวมทั้งขอให้เจ้าของร้านเลิกเป็นสาวสองและใช้ชื่อ “สรพงษ์” ตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ด้วย

นางสาวจีดาภา เปิดเผยว่า ชื่นชอบกระเป๋าแบรนด์เนมมานาน ที่ผ่านมาซื้อมาใช้และขายต่อมาแล้วหลายสิบใบ กระเป๋าทุกใบเป็นของแท้และที่ผ่านมาขายต่อไปก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ส่วนกระเป๋าใบนี้ซื้อมาใช้เมื่อประมาณ 2 ปี ก่อน ตอนนี้อยากเปลี่ยนกระเป๋าใบใหม่ จึงค้นหาร้านรับซื้อทางอินเทอร์เนต บังเอิญไปเจอร้านนี้ให้ราคาดีกว่าร้านอื่น จึงตกลงขายให้พร้อมส่งกระเป๋าไปให้ทางร้านเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม และ ทางร้านได้รับกระเป๋าวันที่ 9 ธันวาคม จนเกิดเรื่องดราม่าดังกล่าวขึ้น  นางสาวจีดาภา บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนเองได้รับผลกระทบหนัก เพราะในช่วงแรกถูกชาวเนตรุมด่า ตราหน้าว่าเป็นมิจฉาชีพหลอกขายกระเป๋าปลอม ทำให้เสียใจถึงขั้นร้องไห้ แต่หลังจากที่มีการตรวจสอบว่ากระเป๋าเป็นของแท้ก็สบายใจมากขึ้น  ส่วนคู่กรณีที่ใช้ปากกาเขียนลงบนกระเป๋า เจ้าของร้านต้องรับผิดชอบเพราะทำให้กระเป๋ามีตำหนิและเสื่อมราคา ขณะที่ไลฟ์สดของเจ้าของร้านก็ทำให้ตนเองที่เป็นเจ้าของธุรกิจได้รับความเสื่อมเสีย ยืนยันว่าจะเอาเรื่องจนถึงที่สุดเพราะได้รับความเสียหาย โดยในขณะนี้ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้เข้ามาดูแลคดีให้ โดยในวันพรุ่งนี้จะเข้ากรุงเทพมหานครเพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินคดีในเรื่องนี้.

เชียงใหม่ / นพนิวัตร์ ไกรฤกษ์