จากกรณีแชร์ลูกโซ่ “บ้านแชร์น้องแครอท…ล้มแล้ว” ที่ถูกเผยแพร่ในเพจ “อีซ้อ ขยี้ข่าว” สร้างความตกตะลึงในวงการสงฆ์ หลังมีการหลอกลวงพระสงฆ์ในภาคอีสานให้ร่วมลงทุนกับบริษัทที่อ้างว่าจะได้รับบ้านและรถภายใน 5 ปี โดยอ้างว่าการลงทุนนั้นเป็นการนำเงินบุญมาต่อยอด โดยมีการชักจูงให้พระสงฆ์ลงทุนจำนวนมาก แต่สุดท้ายกลับเป็นการหลอกลวงที่สร้างความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์ในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งคดีนี้ได้รับความสนใจอย่างมากเนื่องจากกระทบต่อวงการสงฆ์และความเชื่อศรัทธาของประชาชน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 13.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบพระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เพื่อขอความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ โดยพระพยอม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความไม่ระมัดระวังของพระสงฆ์รุ่นใหม่ที่กลายเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ซึ่ง“พระอีสานมีแต่พระเพชรน้ำงาม ตั้งแต่หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ชา ท่านเป็นพระกรรมฐาน แต่พระรุ่นใหม่กลับไม่รอบรู้ จนกลายเป็นเหยื่อของการหลอกลวงเหล่านี้”
พระพยอม กล่าวเพิ่มเติมว่า พระควรตื่นรู้และระวังตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของคนที่หลอกลวงโดยอ้างเรื่องเงินทอง หรือการแสวงหากำไร การเป็นพระไม่ใช่เพื่อนำญาติโยมไปเสียเงินหรือสูญเสียศรัทธา แต่พระต้องสอนให้ญาติโยมเข้าใจในธรรมะและช่วยบำรุงพระพุทธศาสนา “พระรวยเห็นซวยมาเยอะแล้ว” พระพยอมเตือน และเน้นว่าการบวชควรทำเพื่อความจน ไม่ใช่แสวงหารวยเหมือนคนทั่วไป
พระพยอม ยังกล่าวถึงบทเรียนจากกรณี The Icon ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ว่า ควรเป็นตัวอย่างให้พระสงฆ์รู้จักตื่นตัวและระมัดระวังเมื่อมีใครมาชักชวนลงทุน หากเป็นเรื่องการทำบุญเพื่อประโยชน์ทางศาสนาเชื่อถือได้ แต่ถ้าเป็นการชวนหาเงินหรือหากำไรควรตั้งข้อสงสัยทันที และไม่ควรให้ศรัทธาถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด การที่พระสงฆ์ตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่นั้น ทำให้พุทธศาสนาถูกกระทบจากภายใน พระต้องระวังไม่ให้ถูกล่อลวงด้วยความโลภ และต้องมีสติในการดูแลศรัทธาของญาติโยมให้มั่นคง
ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี – รายงาน