วันนี้ (24 มี.ค. 2567) พรรคภูมิใจไทยได้ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่สโมสรราชพฤกษ์ บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก เปิดเพลงปลุกใจรักกันไว้เถิด ก่อนเปิดวีดิทัศน์เกี่ยวกับพรรค และเข้าสู่พิธีการเลือกตั้ง
หลังการเลือกตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งได้รับการเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งได้นำคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มาแถลงว่า “ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ภูมิใจไทยพิสูจน์แล้วว่าพรรคเราเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และมีภารกิจที่เทิดทูนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อดำรงไว้ซึ่งระบบการปกครองตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ ส่วนนี้ถือเป็นดีเอ็นเอของพรรคภูมิใจไทยเป็นนโยบายหลัก เป็นภารกิจหลักของสมาชิกพรรคภูมิใจไทยทุกคน เราเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในคำพูด เมื่อพูดแล้วต้องทำ เรากล้าที่จะประกาศนโยบายต่อประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายที่ดูแล้วมีความยากลำบากในการทำให้สำเร็จ แต่เราก็ทำให้ได้ ทำให้เกิดความสำเร็จสูงสุดเพื่อตอบแทนความไว้วางใจของประชาชน เรายังไม่มีสิ่งใดที่เราให้สัญญากับประชาชนแล้วเราไม่ได้ทำ เราเป็นพรรคการเมืองของประชาชน
กรรมการใหม่ของพรรค “Genใหม่ บ้านใหญ่ แต่มีของ” ทุกคนมีประสบการณ์มีแบ็คดี พรรคต้องเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัย แต่นโยบายพรรค จิตวิญญาณ ค่านิยมพรรคไม่มีวันเปลี่ยนแปลง 15 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าภูมิใจไทยเป็นพรรคพูดแล้วทำ เป็นพรรคในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เทิดทูนสถาบัน
“ก้าวสู่ปีที่ 16 เราต้องเปลี่ยนแปลงในขณะที่เรายังแข็งแรงอยู่ ผมกำชับลูกพรรค-สส.ทุกคนต้องไปหาประชาชนตลอด ไม่ใช่ไปเฉพาะตอนก่อนเลือกตั้ง” นายอนุทินกล่าว หลังจากย้ำว่าแม้พรรคจะเปลี่ยนลุคให้เข้ากับยุคสมัย แต่ยังยึดมั่นการพัฒนาอย่างยั่งยืน Sustanable Development Golds ของ UN
ด้านนายไชยชนก ชิดชอบ ลูกชายนายเนวิน ชิดชอบ ที่ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ แทนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่ลาออกไปเมื่อ 17 ม.ค.2567 กล่าวว่า Gen ใหม่ไม่ได้หมายถึงเพียงอายุแต่หมายถึงทุกคนที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ตนเป็นหลานของคุณปู่ หลานคุณย่า ลูกคุณพ่อ (ชิดชอบ) ทำให้ตนมีประสบการณ์ และพร้อมพิสูจน์ผลงานเพื่อตอบคำถามที่ว่าได้ตำแหน่งมาเพราะตระกูลชิดชอบ
สำหรับกรรมการบริหารพรรค ชุดใหม่มีดังนี้
หัวหน้าพรรค นายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองหัวหน้าพรรค 3 คน – นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล สส.อยุธยา ,นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง,นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ อดีตสส.ศรีสะเกษ
เลขาธิการพรรค – นายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์
รองเลขาธิการพรรค 3 คน – นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี นายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ ส.ส.พิจิตร น.ส.พิมพฤดา ตันจรารักษ์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา
เหรัญญิกพรรค -น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี
นายทะเบียนพรรค – น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล กรรมการบริหารพรรคอื่น 6 คน- นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง นายวรศิษฏ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล นายชลัฐ รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายธนยศ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย นายจักรกฤษณ์ ทองศรี ส.ส.บุรีรัมย์ และนายกิตติ กิตติธรกุล ส.ส.กระบี่
นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังใช้อำนาจหัวหน้าพรรคแต่งตั้งทีมโฆษกพรรค จำนวน 3 คน โดยเป็นโฆษกพรรค 2 คน ได้แก่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี และ นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา ส่วน น.ส.ผกามาศ เจริญพันธ์ ส.ส.สุรินทร์ เป็นรองโฆษกพรรค
โดยภาพรวมกล่าวได้ว่าพรรคภูมิใจไทยโฉมใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่ยกแผง ตรงตามทิศทางที่กุนซือของพรรคตั้งไว้ว่าต้องทันยุคทันสมัย มีวิธีคิดใหม่ สื่อสารได้อย่างน้อยสองภาษา เป็นคนบ้านใหญ่ที่หมายถึงมีที่มาที่ไปทางการเมืองมีพ่อแม่หรือวงศ์ตระกูลสนับสนุนด้วยก็ยิ่งดี และต้อง “มีของ” หมายถึงมีบารมีสะสม รวมทั้งมีเป้าหมายการทำงานเพื่อประชาชนอย่างชัดเจน
สำหรับ นก ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคป้ายแดง เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2532 อายุ 34 ปี เป็นบุตรชายของ เนวิน ชิดชอบ และคุณกรุณา ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และอดีต ส.ส.บุรีรัมย์ อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย ปัจจุบัน ไชยชนก เป็น สส. บุรีรัมย์สมัยแรก พรรคภูมิใจไทย เข้ามาทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรของคนบุรีรัมย์ ใน ‘สัปปายะสภาสถาน’ กว่า 6 เดือน
หลังจากใช้ชีวิตและศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษนานถึง 17 ปีตั้งแต่ 8 ขวบก็ กลับมาช่วยงาน ช่วยดูแลทีมฟุตบอล ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และสนามแข่งรถสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ (Chang International Circuit) ในฐานะรองผู้อำนวยการสายงานการตลาด และการสื่อสาร บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จํากัด
ซึ่ง นก ไชยชนก ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญในการพาบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก้าวกระโดดจากสนามฟุตบอล สนามแข่งรถ มาสู่โลกของเกมส์อย่าง Esportจนคว้าแชมป์ประเทศไทย อีกทั้งยังได้เปิด Predator Arena ขึ้นที่บุรีรัมย์ เป็นสนามแข่งขัน และอะคาเดมีสำหรับผู้มีใจรักกีฬาอีสปอร์ต
สำหรับตระกูลชิดชอบผ่านการเล่นการเมืองระดับชาติมาตั้งแต่ยุคปู่ของนายไชยชนก คือ “ชัย ชิดชอบ” เติบโตจากกำนัน มาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ที่บทบาทการทำหน้าที่ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก
ส่วน เนวิน ชิดชอบ ก็พุ่งสู่จุดสูงสุดบนเส้นทางการเมือง ได้เป็น รมช.คลัง ,พาณิชย์ และเกษตรและสหกรณ์มาแล้ว ขณะที่แม่ คือ ซ้อต่าย กรุณา ชิดชอบ ก็เคยเป็น ส.ส.บุรีรัมย์ 3 สมัย รวมถึงเป็นนายกอบจ.บุรีรัมย์ อีกด้วย
โดยไชยชนก เคยบอกเหตุผลในการตัดสินใจลงสู่สนามการเมืองเอาไว้ว่า แม้ครอบครัวจะเป็นตระกูลนักการเมือง แต่การเตรียมตัวและความพร้อมทางการเมือง ทั้งพ่อและอาโอ๋ (ศักดิ์สยาม) ไม่มีใครสอนโดยตรงแบบมีสูตรสำเร็จ แต่ทุกคนจะสอนด้วยวิธีการปฏิบัติให้เห็นและให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ในการลงพื้นที่ดูแลแก้ปัญหาให้กับประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์
สุดท้ายก็ต้องติดตามกันต่อไป ว่า การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ จะสร้าง ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น กับ ฐานมวลชนเดิมของ บ้านใหญ่เหนียวและจะสามารถ สร้างฐานมวลชนที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางการเมือง ของพรรคได้หรือไม่