เมื่อช่วงเทศกาลวันเข้าพรรษา วันที่ 1 ส.ค.2566 และมีวันหยุดยาวถึง 6 วัน ซึ่งสถานการณ์การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ คีกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยชาวต่างชาติ รวมไปถึงแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะชาวไทใหญ่สัญชาติเมียนมาที่มาทำงานใน จ.เชียงใหม่ เป็นจำนวนมาก ถือโอกาสในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ไปทำบุญตามวัดวาอาราม และออกท่องเที่ยวกันฉลองในวันหยุดกันอย่างคึกคัก
“ห้วยตึงเฒ่า”ตามโครงการพระราชดำริฯ ตั้งอยู่ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ที่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ เพียงไม่กี่กิโลเมตร บริเวณภายในมีซุ้มอาหารเรียงรายตั้งอยู่ริมน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยว ท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบาย เห็นวิวทิวทัศน์ดอยสุเทพตั้งตระหง่าน
นอกจากนี้เมื่อปี2561 ทางมณฑลทหารบกที่ 33 ซี่งเป็นหน่วยงานที่ควบคุมดูแลห้วยตึงเฒ่า ได้ผุดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมี พันเอกสุปกรณ์ เรือนสติ (ยศตำแหน่งสมัยนั้น)เป็นผู้จัดการโครงการฯทุ่มงบประมาณ จำนวน 410,000 บาท สร้างหุ่นฟางครอบครัวคิงคองยักษ์ พ่อแม่ลูก โดยตัวพ่อสูง 8 เมตร ตัวแม่สูง 6 เมตร และตัวลูกสูง 4 เมตร บริเวณทุ่งนาด้านหลังห้วยตึงเฒ่า เมื่อสร้างเสร็จเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชม สร้างความฮือฮาให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก กลายเป็นแลนด์มาร์คจุดเช็คอินแห่งใหม่ ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเซลฟี่ ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
ต่อมามีการจักประกวดสร้างหุ่นฟางสัตว์ต่างๆตามจิตนาการมีสถานบันการศึกษา 9 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วมการประกวด มีทั้งหุ่นฟางช้าง,กวางมูส,ลิง,นกยุง,กระทิง,สิงโตและหมูป่า เป็นต้น
ตั้งแต่ปี2561 เป็นต้นมาสัตว์หุ่นฟางเหล่านี้ สวยงามเหลืองอร่ามตามสีของฟางข้าว วันเวลาผ่านมาหลายปี ส่งผลให้สัตว์หุ่นฟางเหล่านี้ ได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เส้นฟางที่เป็นสีทอง เปลี่ยนเป็นสีดำหลุดหลุ่ย จนเห็นโครงเหล็กด้านใน ถ้าหากไม่มีการเร่งบูรณะใหม่ แล้วอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ สัตว์หุ่นฟางเหล่านี้ก็จะเหลือเพียงตำนานเท่านั้น.