ทุกข์ชาวบ้าน หวั่นไร้ที่ทำกิน ปัญหาแบ่งเขตจังหวัดไม่ชัดเจน

 

ชาวบ้าน อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เกิดความกังวลว่า กรณีมีข้อพิพาทแบ่งเขตจ.อุตรดิตถ์และจ.พิษณุโลกตามแผนที่ไม่ชัดเจน บนพื้นที่หมู่บ้านกว่า 154 หลังคาเรือน อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมียงภูทอง จ.พิษณุโลก และอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ จ.อุตรดิตถ์ ว่าจะสามารถอาศัยอยู่หรือเป็นพื้นที่ทำกินได้หรือไม่

ทีมข่าวลงพื้นที่พบกับอดีตผู้ใหญ่นายเพ็ง มาซิว อายุ 87 ปี บ.ห้วยน้ำอุ่น ม.10 อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า มีความกังวลหลังทราบเกิดข้อพิพาท จ.อุตรดิตถ์ต้องการบอกแนวเขตจังหวัดว่า พื้นที่ปัจจุบันที่ชาวบ้านเข้ามาอาศัยและแพ้วถางทำการเกษตรเป็นพื้นที่ของจ.อุตรดิตถ์ ประชาชนได้บุกลุกล้ำเข้ามามากกว่า 40 ปี ในขณะที่บัตรประชาชนและทะเบียนราษฎรของชาวบ้านเป็นประชากร จ.พิษณุโลก ส่งผลกระทบกับชาวบ้านกว่า 154 ครัวเรือน หรือประชากรราวกว่า 375 คน

นางเปี้ย มาปัด อายุ 74 ปี ชาวบ้านยืนยันว่า ได้อพยพย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่มานานจากที่มีครอบครัวเล็กๆ จนปัจจุบันขยับขยายเป็นวงกว้าง เพิ่งทราบเรื่องหลังผู้นำชุมชนเชิญมาประชุมประชาคมเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่าพวกตนและชาวบ้านอยู่ในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ และถูกสั่งให้หยุดการบุกเบิกพื้นที่ทำกิน จึงอยากให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและทางหน่วยงานราชการระดับชั้นผู้ว่าฯ แก้ไขทบทวนปัญหาดังกล่าว และวางแผนรองรับกับผลกระทบที่จะตามมา

ด้านพันจ่าอากาศโท พงศ์พิชญ์ ภูลวรรณ ปลัด อ.ชาติตระการ เปิดเผยว่า หมู่บ้านห้วยน้ำปลาและบ้านห้วยน้ำอุ่น สร้างที่อยู่อาศัยและที่ทำกินด้านการเกษตรเป็นลักษณะพื้นที่จับจอง ประชาชนมีความเดือนร้อนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ยังไม่ได้รับ รวมไปถึงการเสียภาษีต่างๆ การขึ้นทะเบียนเกษตรกรยังไม่มีความชัดเจน ส่วนเอกสิทธิที่ดินทำกินนั้น ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ ต้องยื่นเรื่องเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย

เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมียงภูทอง (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) ให้รายละเอียดว่า ได้จัดทำการวัดรางวัดที่อยู่อาศัย จดบันทึกการสำรวจแปลงเกษตร ตามมาตรา 121 ที่ได้จัดสรรให้เรียบร้อยแล้ว แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข หากมีการแผ้วถางทำการเกษตรลุกล้ำนอกกรอบรางวัด ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามเงื่อนไข พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 หากผู้ใดยึดถือไว้ครอบครอง มีโทษระหว่างจำคุก 4 – 20 ปี ปรับไม่เกินสองแสนบาท หากบุกลุกเข้าไปในเขตอุทยานสักใหญ่ จ.อุตรดิตถ์ จะถูกบังคับใช้ พ.ร.บ.กรมป่าไม้

เมื่อสอบถามไปยังท่านผู้ว่าฯ จ.พิษณุโลก เลขาฯหน้าห้องแจ้งว่า ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ จึงมอบหมายให้นายอนุชิต นรเศรฐกร ผู้ช่วยจ่า จ.พิษณุโลก ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แทน กล่าวว่า ท่านผู้ว่าฯทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินงานการหาข้อมูลและหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเขตการปกครองในปัจจุบันมีความขัดแย้งมานานนับ 10 ปีตามคำบอกเล่าของอดีตผู้ใหญ่บ้านคนแรก ก่อนที่จะมีการกำหนดเขตการปกครองใหม่ และให้ทางปลัดอ.ชาติตระการร่างหนังสือประกาศกระทรวงมหาดไทยขึ้นมา เพื่อยื่นเรื่องนำเสนอในลำดับต่อไป

ทีมข่าวยังคงต้องการคำตอบจากผู้ใหญ่ระดับท่านผู้ว่าฯ จึงสอบถามไปยังท่านผู้ว่าฯ จ.อุตรดิตถ์ เลขาฯหน้าห้องตอบ ท่านไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ จึงมอบหมายให้นายทัศนัย สุธาพจน์ ปลัด จ.อุตรดิตถ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แทน และให้คำตอบลักษณะคล้ายกับปลัด อ.ชาติตระการว่าอยู่ระหว่างการลงพื้นที่หาข้อมูลเพิ่มเติมกับชาวบ้าน

อย่างไรก็ตาม ปัญหาแนวเขตนี้มียังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ชาวบ้านหวังเพียงให้ผู้นำชุมชนช่วยหาคำตอบที่ชัดเจน ทุกวันนี้ทางเข้าหมู่บ้าน เป็นถนนลาดยางที่ชำรุด สลับกับถนนคอนกรีตที่ใช้งานมานาน ไฟฟ้าส่องสว่างข้างทางติดๆดับๆ ล่าสุดขณะที่ประชุมประชาคมเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา เกิดไฟฟ้าดับมืดสนิทต้องใช้ไฟสว่างฉุกเฉิน แม้ประชาชนจะเสียภาษีให้กับภาครัฐก็ตาม

คงต้องวัดใจรัฐว่าจะเลือกเดินหน้าตามผังเมืองเดิมที่รู้อยู่แล้วว่าปลายทางจะกระทบกับคนราว 600 ชีวิต หรือจะแก้ปัญหาแนวเขตการปกครองนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อเกิดความเจริญความสามารถทางเศรษฐกิจ ภาคการเกษตรที่มีคุณภาพ ราคาสินค้าทางการเกษตรมีรายได้ดี การทำให้พื้นที่ทางการเกษตรมีมูลค่าที่สูงขึ้น ความสะดวกทางการศึกษา รวมไปถึงความสะดวกของฝ่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อันนำมาถึงประโยชน์สาธารณะที่ภาครัฐต้องเข้าไปจัดสร้างสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้สามารถลืมตาอ้าปากได้