เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจีระภา วัชรเกตุ อดีตภรรยาพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร พี่สาวคนละแม่แต่พ่อเดียวกันของนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ภรรยาคนสุดท้ายของพ่อเลี้ยงได้ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีที่นางฐิติรัตน์ ได้นัดนางอัญชลี กัลมาพิจิตร บุตรสาวพ่อเลี้ยงปางช้าง และยังเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับนางฐิติรัตน์ตามคำสั่งศาล เพื่อไปโอนที่ดินให้บริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด จำนวนสิบกว่าแปลงเมื่อวานนี้(15 กันยายน) แต่ล้มเหลว สาเหตุเกิดจากนางฐิติรัตน์ต้องการเบิกเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวจำนวน 1 ล้านบาท ในขณะที่นางอัญชลีต้องการเบิกเงิน 1 ล้านบาทเช่นกันแต่ใช้ในการโอนทรัพย์สิน ตนได้อ่านข่าวและได้พูดคุยกับนางอัญชลีแล้ว รู้สึกว่าน้องสาวคนนี้ทำเกินไป ตอนนี้ได้เป็นถึงผู้จัดการมรดกร่วมแต่ขาดความจริงใจในการทำหน้าที่ ตนทราบว่าน้องสาวตนยังฟ้องร้องขอแบ่งสินสมรสกับทายาทปางช้างอยู่เลย ในขณะที่ศาลมีคำสั่งให้เขาทำหน้าที่แบ่งทรัพย์สินตามพินัยกรรม ให้แก่ทายาท
ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางฐิติรัตน์ก็จะไม่ยอมจัดการทรัพย์สินแน่ๆ เพราะต้องการจะแบ่งทุกอย่างก่อนครึ่งหนึ่ง แม้กระทั่งเงินที่พ่อเลี้ยงมอบให้ปางช้างแม่สาตามพินัยกรรมจำนวน 15 ล้านบาท ก็ยังอ้างว่าเป็นสินสมรสครึ่งหนึ่ง โดยทนายของเขาพูดว่าจะแบ่งให้จำนวน 8 ล้านบาทเท่านั้น ตนทนฟังไม่ไหวจริงๆ ทำไมถึงไม่คิดถึงบุญคุณพ่อเลี้ยง รวมถึงช้างของปางช้างแม่สา อีกด้วย
ทางด้านนางอัญชลีกัลมาพิจิตร บุตรสาวพ่อเลี้ยงชูชาติ นำเอกสารมรดกมายืนยัน ย้ำมรดกก็ส่วนมรดก สินสมรสก็แยกอีกส่วนหนึ่ง การนำ 2 เรื่องมาพูดรวมกัน เหมือนพูดกันคนละเรื่อง ส่วนการเบิกเงินมรดก ไม่มีเหตุผลและไม่มีใบเสร็จเบิกมา 2 ล้านบาท มันมากเกินจำนวนเงินค่าโอนที่ดินที่ใช้จ่ายจริงไม่เกิน 1 ล้าน หากเบิก 2 ล้านไม่มีหลักฐานเสนอต่อศาล อาจเข้าข่ายความผิดในการจัดการมรดกที่ไม่เป็นความจริงได้ ตนจึงไม่ยอมเบิก 2 ล้านบาท ผลสรุปการโอนที่ดินล้มเหลว
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2565 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาแม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ภรรยาคนสุดท้ายก่อนพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร ที่เสียชีวิตที่บ้านล้านช้าง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ไปเมื่อ พ.ศ.2562 แล้วทิ้งมรดกหลายพันล้านบาทไว้นั้น วันนี้นางฐิติรัตน์ ได้นัดนางอัญชลี บุตรสาวคนโตของพ่อเลี้ยงชูชาติ โดยทั้งคู่เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน นางฐิติรัตน์ นัดโอนมรดกในส่วนของที่ดินทั้งหมดที่เป็นมรดกของพ่อเลี้ยงชูชาติ ที่จะต้องโอนให้กับบริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด และทายาท วันนี้จะโอนเฉพาะที่ดินในพื้นที่ อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ที่เป็นมรดกตามพินัยกรรม แต่ทั้งคู่ไม่สามารถตกลงโอนโฉนดที่ดินทั้งหมดได้เลยแม้แต่แปลงเดียว รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ เท่าที่ผ่านมา
ทางด้านนางฐิติรัตน์” ได้เปิดเผยสาเหตุที่ไม่ยอมให้เบิกเงินมรดก 15 ล้าน ยืนยันอยู่ในคดีฟ้องเป็นสินสมรสต้องได้ครึ่งหนึ่งก่อน เหลือนำไปจ่ายค่าโอนทรัพย์ที่ดินมรดกได้ หากเบิกโอนมรดก บ.ปางช้างแม่สา ก็ขอเบิกด้วย 1 ล้าน รวม 2 ล้าน ทนายบอกทำได้เลย จะนำไปใช้จ่ายค่าโรงแรม บิลน้ำมัน ในการจัดการมรดก ต่อไป
นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กล่าวว่า การโอนทรัพย์ที่ดิน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ปางช้างต้องได้มา แต่การที่เงินมรดกของ บริษัทปางช้างแม่สา คือกรณีบัญชี 15 ล้านบาท จริงๆแล้วตกเป็นมรดกปางช้างแม่สาแล้ว และต้องการให้นางฐิติรัตน์ มารับผิดชอบร่วมกันตรงนี้ด้วย เพราะจัดการมรดกร่วมกัน 2 คน ในการเลี้ยงช้างของปางช้างแม่สา จำนวน 68 เชือก คนเลี้ยงช้างกว่า 100 คน คุณไม่เคยเลี้ยงช้าง มันต้องใช้เงินเลี้ยงช้างเดือนละ 3 ล้านบาท และวันนี้ปางช้างแม่สาเป็นหนี้มากกว่า 80 – 90 ล้านบาทแล้ว ซึ่งเมื่อต้องจัดการมรดกเมื่อมีการถ่ายโอนก็รู้สึกดีตามที่พ่อตนต้องการให้ปางช้างยังอยู่ จึงเขียนพินัยกรรมมอบทรัพย์สิน บ้านล้านช้าง ที่ดิน คอนโด ห้องชุด และเงินในบัญชี และอื่นๆให้ บริษัท ปางช้างแม่สา เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนเลี้ยงช้าง ซึ่งครบ 4 ปีในต้นเดือนมกราคม ผ่านมา 4 ปี จัดการมรดกไม่ได้เลย เราก็ไปไม่เป็น
“วันนี้เราขอความเมตตาคุณ โอนเงิน 15 ล้านบาท ที่เป็นมรดกปางช้างแม่สาแล้ว รอการโอนอย่างเดียว ขอโอนมาให้เราโดยเร็วเพื่อนำเงินไปเลี้ยงช้าง กรณีทรัพย์สินอื่นๆที่คุณต้องการ จะฟ้องร้องเอาก็ไปดำเนินการได้ ฟ้องชนะก็เอาไปเลย วันนี้ขอความกรุณา ขอความกรุณา ขอความกรุณา ทำเพื่อช้างหน่อยค่ะ ขอเมตตาหน่อยค่ะ” นางอัญชลี กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัญหาการจัดการมรดกพันล้านของพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร ที่มีทั้งมรดกนอกพินัยกรรมและมรดกในพินัยกรรม ที่มีปัญหาฟ้องร้องกันจากการตรวจพบความไม่โปร่งใส เมื่อทรัพย์มรดก ไม่ว่าจะเป็นเงินสดจากธนาคารถูกแอบถอนไปมากกว่าร้อยล้านบาท ทองคำ และงาช้างจำนวนมากหายเกลี้ยงยังไม่ทราบว่าทรัพย์สินเหล่านี้ใครเป็นผู้เก็บรักษาไว้ หรือถูกแบ่งบันออกไปอย่างไม่ถูกต้อง โปร่งใส จึงเกิดความสับสนวุ่นวายเล่นแง่เล่นเชิงกันยื้อเวลาออกไปกลายเป็นการต่อสู้กันระหว่างทนายของผู้จัดการมรดกร่วมที่ฝ่ายหนึ่งก็คือนางอัญชลี กัลมาพิจิตร บุตรสาวคนโต ของพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร ที่ได้เป็นผู้จัดการร่วม กับนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ภรรยาคนสุดท้ายที่จดทะเบียนกับนายชูชาติ กัลมาพิจิตร แต่ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีการพบปะเจรจากัน แต่ผ่านทนายทั้งสองฝ่ายจนเกิดการยื้ดเยื้อชิงไหวชิงพริบกันจนปัญหาความเดือดร้อนไปตกที่นางอัญชลี ช้างเลี้ยง จำนวน 68 เชือก และพนักงานมากกว่า 100 คน ซึ่งทำให้เกิดความเดือดร้อนในการบริหารจัดการปางช้างแม่สา และพนักงานตามที่เป็นข่าว
นิวัตร ธาตุอินจันทร์ เชียงใหม่