ตำรวจ บช.ปส.จับแก๊งยาเสพติดรายสำคัญ ลักลอบลำเลียงจากแนวชายแดนเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ของกลางยาบ้า 200,000 เม็ด ผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2565 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.
เจ้าพนักงานตำรวจ บช.ปส. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ท.พรชัย เจริญวงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร.,พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ, พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.จิรวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3, พ.ต.อ.อดิศ เจริญสวัสดิ์,พ.ต.อ.อาทร ชิ้นทอง, พ.ต.อ.ธีระ ทองระยับ,พ.ต.อ.สุรพล ขาวคม รอง ผบก.ปส.3
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 , บก.ข่าวกรอง และ ปปส.ภ 5 ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 3 คน คือ
1.นายพงศ์ (ปิดนามสกุล)อายุ 40 ปี ที่อยู่ ม.8 ต.ศรีเตี้ย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน
2.น.ส.อร(ปิดนามสกุล)อายุ 32 ปี ที่อยู่ ม.8 ต.ศรีเตี้ย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน
3.นายป่าสอ (ปิดนามสกุล)อายุ 27 ปี ที่อยู่ ม.2 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

พร้อมด้วยของกลาง
1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 100 มัด หรือประมาณ 200,000 เม็ด
2.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ 9303 ลำพูน
3.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ยฉ 8383 เชียงใหม่
4.โทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 4 เครื่อง
สถานที่เกิดเหตุ จับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 พร้อมตรวจยึดยาเสพติดของกลางลำดับที่ 1 บนถนนสหกรณ์ ฝั่งมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ตรงข้ามร้านย่างเนย ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ตรวจยึดยาเสพติดของกลางลำดับที่ 2 ริมถนน ชม.4034 ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และจับกุมผู้ต้องหาที่ 3 ริมถนนโชตนา หน้าที่ว่าการอำเภอแม่แตง ต.สันมหาพน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

พฤติการณ์ ด้วยเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า ห้วงคืนวันที่ 30 สิงหาคม 2565กลุ่มลำเลียงยาเสพติดของนายป่าสอ(ปิดนามสกุล)จะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.เชียงดาว ไปส่งให้กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ พื้นที่แม่โจ้ อ.สันทราย โดยจะใช้ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ยฉ 8383 เชียงใหม่ ในการลำเลียง

เจ้าหน้าที่จึงได้ออกทำการสืบสวนในพื้นที่ กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 30 สิงหาคม 2565 พบ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ยฉ 8383 เชียงใหม่ ได้ขับขี่ออกมาจากปากทางออกบ้านปากกว้าง มุ่งหน้า อ.เมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตาม ต่อมา เมื่อถึงแยกเลี่ยงเมืองแม่มาลัย ได้เลี้ยว มุ่งหน้า ม.แม่โจ้ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยข้างโรงเรียนห้วยเกี๋ยง แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน ชม.4034 ต่อมารถยนต์คันดังกล่าว ได้ไปจอดบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 22 สักครู่หนึ่ง พบคนขับ ได้ลงจากรถยนต์กระบะ คันดังกล่าว แล้วยกสิ่งของลักษณะเป็นกระเป๋าสะพายจำนวน 2 ใบ ลงไปวางไว้บริเวณพงหญ้าข้างหลักกิโลเมตร จากนั้น รถคันดังกล่าวได้แล่นวนเวียนบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 22 ประมาณ 10 นาที แล้วได้ใช้เส้นเส้นทางเดิมมุ่งหน้า อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงได้แบ่งกำลัง โดยส่วนหนึ่งเฝ้าอยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 22 และอีกส่วนหนึ่งติดตามรถทั้งสองคันไป
เวลาประมาณ 21.20 น. พบ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ 9303 ลำพูน แล่นมาชะลอบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 22 จากนั้นได้แล่นวนเวียนบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 22 หลายรอบ กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ 9303 ลำพูน ไปจอดบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 22 แล้วมีชายลงจากรถด้านที่นั่งผู้ขับขี่ลงไปหยิบกระเป๋าสะพายจำนวน 2 ใบ บริเวณพงหญ้าข้างหลักกิโลเมตร มาไว้ในห้องโดยสารด้านหลังคนขับของรถคันดังกล่าว จากนั้นได้แล่นมุ่งหน้า ซอยข้างโรงเรียนห้วยเกี๋ยง

เจ้าหน้าที่ทำการพิสูจน์ทราบเพื่อทำการตรวจสอบตรวจค้น แต่รถคันดังกล่าวได้เร่งความเร็วและฝ่าการสกัดของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไปเพื่อทำการจับกุม โดยระหว่างติดตามนั้น ผู้โดยสารที่นั่งข้างคนขับได้เปิดประตู และโยนกระเป๋าสะพายจำนวน 1 ใบ ออกจากรถ ต่อมาสามารถสกัดรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวได้ พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 50 มัด หรือประมาณ 100,000 เม็ด และตามไปตรวจยึด กระเป๋ายาเสพติดทิ้งระหว่างหลบหนีจำนวน 1 ใบ พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 50 มัด หรือประมาณ 100,000 เม็ด
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งซึ่งติดตาม รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ยฉ 8383 เชียงใหม่ และได้แสดงตัวเข้าจับกุม
โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป