วุ่นไม่จบ ปมมรดกพันล้าน ปางช้างแม่สา

 

ผู้จัดการมรดกร่วมยังไม่สามารถตกลงกันได้ ฟ้องกันนัวเนีย สงสารช้างจำนวน 70 เชือก ไม่มีอาหารกิน ผู้บริหารปางช้างไม่มีเงินจ่ายชื้อหญ้าอ้อย มาเลี้ยงช้างจำนวนเกือบ 70 เชือก
จากกรณีปมขัดแย้งเรื่องการจัดการเกี่ยวกับมรดกของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร เจ้าของปางช้างแม่สา ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และทิ้งทรัพย์สินมรดกไว้กวา 1,000 ล้านบาท มีการแตงตั้งผู้จัดการมรดกร่วม จำนวน 2 รายคือ นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ภรรยาใหม่นายชูชาติ กัลมาพิจิตร หรือพ่อเลี้ยงชูชาติ เจ้าของปางช้างแม่สา กับกับนางอัญชลี กัลมาพิจิตร บุตรสาวคนโตของนายชูชาติ จนศาลสั่งให้ทั้งคู่จัดการมรดกร่วมกัน แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ส.ค.2565 นางอัญชลี ได้นำหมายศาลไปตรวจสอบทรัพย์มรดกที่บ้านล้านช้าง อำเภอแมริม พร้อมทายาท จนท.ตำรวจ และจนท.ปกครอง โดยมีพยานคือสื่อมวลชนรวมบันทึกภาพและเก็บทรัพย์สินไว้โดโดโโดยไม่ได้แตะทรัพย์สินใดๆ

จนกระทั้งทราบข่าวว่านางอัญชลี กัลมาพิจิตร บุตรสาวคนโต ของนายชูชาติ ถูกแจ้งความข้อหาบุกรุกบ้านพ่อตนเอง ซึ่งยังเป็นทรัพย์มรดกของปางช้างแม่สา ซึ่งนางอัญชลี เป็นผู้จัดการมรดกร่วม และมีหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์มรกตามคำสั่งของศาล ก่อนหน้าจะมีการนัดประชุมทายาท 2 วัน(วันที่ 22 สิงหาคม 65 ) ก่อนจะประชุมในหมู่เครือญาตเกี่ยวกับมรดก ในวันที่ 24 ส.ค.2565 นี้ที่โรงแรมฟูลรามา อ.เมือง จ.เชียงใหม่

โดยเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2565 นางอัญชลี กัลมาพิจิตร อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 337/1 ถ.วังสิงห์คำ ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ บุตรสาวนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ล่วงลับที่เป็นเจ้าของปางช้างแม่สา และนางอัญชลี ยังเป็นจัดการมรดกของนายชูชาติ ผู้เป็นพ่อ ร่วมกับนางธิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แม่ริม ใยข้อหา แจ้งความเท็จ ยักยอกรัพย์ ไว้เป็นหลักฐาน

และในวันที่ 24 ส.ค.2565 นางอัญชลี ในฐานะผู้จัดการมรดก ก็จะเดินทางร่วมประชุมในการจัดการมรดกตามหนังสือเชิญร่วมประชุมทายาท
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 23 ส.ค.65ณ ห้องทับทิม โรงแรมฟูรามา เชียงใหม่ นายอัคคพาคย์ อินทรประพงศ์ และนายพิมลศักดิ์ วรรณประภา ทนายความฝ่ายนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ได้ร่วมกันชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงการจัดประชุมทายาทมรดก นายชูชาต กัลมาพิจิตร พ่อเลี้ยงปางช้างแม่สา รวมทั้งแถลงชี้แจง กรณีพินัยกรรมและการจัดการมรดกต่อสื่อมวลชน โดยก่อนที่จะมีการแถลงข่าวทนายความแจ้งสื่อมวลชนให้ออกไปจากห้องประชุมก่อนเพื่อจัดประชุมร่วมกับทายาทเท่านั้น หลังจากที่นางอัญชลี กัลป์มาพิจิตรได้เดินทางมาถึง

ซึ่งต่อมานางอัญชลีได้นำเอกสารแสดงต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นหนังสือนัดให้มาประชุมและตรวจสอบทรัพย์มรดก และทางนางอัญชลี กัลมาพิจิตร มีความต้องการให้มีการประชุมเฉพาะทายาทของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร และผู้จัดการมรดก เพียงเทานั้นโดยไม่มีทนายความ เร่วมประชุมทั้งสองฝาย แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ นางอัญชลี จึงได้เดินทางกลับ

นายอัคคพาคย์ กล่าวชี้แจงว่า ในฐานะที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทนายความจัดการมรดกของนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ในฐานะผู้จัดการมรดกร่วมได้เชิญทายาทของนายชูชาติซึ่งมีอยู่ 6 คนมาร่วมประชุม แต่วันนี้มีทายาทที่เข้าร่วมประชุมเพียง 3 คน จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่เชิญประชุมในครั้งนี้มีวาระอยู่ 5 ข้อคือ ต้องการชี้แจงที่ประชุมถึงผลการประชุมทายาทฯครั้งที่ 1 ซึ่งครั้งนั้นนางอัญชลีในฐานะผู้จัดการมรดกร่วมก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย

ข้อ 2 คือจะชี้แจงถึงทรัพย์มรดกที่ได้รวบรวมมา เพื่อที่จะจัดการโอนทรัพย์สินที่มีก่อนการสมรสให้เป็นไปตามพินัยกรรมของนายชูชาติ ซึ่งมีทั้งบ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียมและรถยนต์รวมมูลค่าตามราคาประเมินประมาณ 30 กว่าล้านบาท ส่วนทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะคดียังอยู่ในชั้นศาล
ข้อ 3จะชี้แจงผู้มีสิทธิ์เกี่ยวข้องกับมรดกทั้งตามกฎหมายและพินัยกรรม ข้อ 4 กำหนดวันตรวจสอบและนัดวันโอนมรดกที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวให้กับทายาทหรือบริษัทปางช้างแม่สา ตามพินัยกรรมและ 5 ชี้แจงผู้จัดการร่วมเพื่อขอเบิกเงินจากบัญชีนายสุชาติเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการพินัยกรรมที่กำหนดให้เบิกจากกองมรดก
“ตอนแรกที่เห็นนางอัญชลีเดินทางมาถึงก็ดีใจว่าจะเข้าร่วมประชุมเรื่องการจัดการมรดก แต่ก็ไม่ได้มีการประชุม ก็จะทำให้การจัดการโอนทรัพย์สินยังทำไม่ได้ ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เชิญทายาทของนายชูชาติซึ่งมีทั้งหมด 6 คนมาประชุม และต้องการชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่นางอัญชลีซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกร่วมไปเปิดตู้เชฟที่เจ้าของบ้านซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกร่วมไม่อยู่ด้วยว่าไม่ถูกต้อง และดูจากวันนี้เรื่องปัญหามรดกของนายชูชาติคงไม่จบง่ายๆ หากมีการยื้อกันไปมา ฟ้องกันไปฟ้องกันมาแบบนี้”ทนายความกล่าว