วันที่ 10 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนและเกิดฝนตกหนักติดต่อกันจนส่งผลกระทบให้พื้นที่ราบลุ่มและพื้นที่เป็นแอ่ง ได้มีน้ำท่วมขังโดยบางพื้นที่บางชุมชนบางตำบล บางหมู่บ้าน ก็ได้เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซากทาง พระครูประยุตสีลสุนทร เจ้าคณะตำบลศรีถ้อย เจ้าอาวาสวัดศรีบุญชุม บ้านป่าสัก หมู่ที่ 5 ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา จึงได้มีแนวคิดแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซาก โดยใช้พื้นที่ ภายในบริเวณวัดศรีบุญชุม ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมขัง จึงนำร่องทำธนาคารน้ำใต้ดิน ฝากน้ำไว้ เพราะมีน้ำท่วมขังทุกปีในช่วงฤดูฝน โดยมีพระภิกษุสามเณร และญาติโยมในพื้นที่ร่วมกันขุดดินเป็นหลุมบ่อรอบพื้นที่ ทำธนาคารน้ำใต้ดินเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง หลังจากที่ทำธนาคารน้ำใต้ดินแล้วและได้ทดสอบพบว่า จากเดิมที่มีน้ำฝนที่ตกลงมาจนเกิดน้ำท่วมขัง หลังจากที่ทำธนาคารน้ำใต้ดินแล้วปัญหาน้ำท่วมขังก็ได้หมดไป เพราะน้ำฝนและท่วมขังได้ไหลลงสู่บ่อหรือธนาคารน้ำ จนหมด และจะนำร่องไปทำธนาคารใต้ดินให้กับชาวบ้านในชุมชนช่วงฤดูฝน ที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังต่อไป
พระครูประยุต สีลสุนทร เจ้าคณะตำบลศรีถ้อย เจ้าอาวาสวัดศรีบุญชุม บ้านป่าสัก หมู่ที่ 5 ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา กล่าวว่า ฤดูฝน จะมีน้ำฝนท่วมขัง ที่ราบลุ่มหรือเป็นแอ่ง จึงได้มีแนวคิดแก้ปัญหาน้ำฝนท่วมขังในบริเวณวัดซ้ำซาก ด้วยการทำธนาคารน้ำใต้ดิน หรือฝากน้ำไว้ใต้ดินเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม หลังจากที่ทำธนาคารน้ำใต้ดินแล้ว พบว่าปัญหาน้ำท่วมขังจากน้ำฝนที่ตกลงมาท่วมขังก็ไม่ได้เกิดขึ้นอีกน้ำหายลงไปในดินจนหมด และจะเป็นการนำร่องทำธนาคารน้ำในวัดก่อน หลังจากประสบผลสำเร็จก็จะได้นำไปทำให้กับญาติโยมและชาวบ้านในชุมชนที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมทุกปี
สำหรับการทำธนาคารน้ำเริ่มต้นด้วยการขุดหลุมเป็นบ่อปากกว้าง 1 เมตรลึก 1. 50 เมตร. หรือขุดเป็นร่องลึกรอบๆบริเวณน้ำท่วมขังแล้วนำเอาเศษหินปูนใส่ลงไปให้เต็ม เท่ากับพื้นผิวดิน เมื่อฝนตกลงมาหรือมีน้ำไหลหลากน้ำก็จะไหลลงเข้าสู่บ่อดินหรือธนาคารน้ำใต้ดิน เหมือนฝากน้ำไว้ ในหลุมที่ขุดไว้ จนไม่มีน้ำเหลือมท่วมขังแต่อย่างใด ซึ่งการทำธนาคารน้ำใต้ดินในวัดได้ประสบผลสำเร็จเป็นการนำร่องนำ เพื่อจะนำไปใช้ให้กับบรรดาญาติโยมและชาวบ้านในชุมชนที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังฤดูฝนนี้ในโอกาสต่อไป