เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.20 น. ของวันที่4 ก.ค.65 เมื่อผู้ใช้รถยนต์คันหนึ่งซึ่งจะไปซื้อของในตลาดสดหลักเมือง เมื่อขับรถไปถึงด้านหน้าตลาดและเห็นเป็นเส้นขาว-ดำ ซึ่งเจ้าตัวไม่เคยมาจอดในเวลานี้มาก่อนแต่ปกติในช่วงเวลาอื่นผู้ใช้รถจอดรถได้ตามปกติ ประกอบกับไม่เห็ฯป้ายห้ามจอดซึ่งมี1จุดซึ่งตั้งถาวรแต่ป้ายหันออกทางถนนทำให้ผู้ขับรถมองไม่เห็น ส่วนป้ายซึ่งเป็นแผงเหล็กและมีคำว่า “ห้ามจอด” 1 ป้าย และ “ห้ามจอด ในเวลา 07.00-08.00 น.” อีก1 ป้าย
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจะต้องนำมาวางบนถนนและหันป้ายมายังฝั่งที่รถวิ่งมาเพื่อให้มองเห็น กลับถูกนำไปเก็บซ่อนไว้บนฟุตบาท ทันทีที่จอดรถและลงไปซื้อของในตลาดไม่ถึง15นาที ก็พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรได้มาล็อคล้อและเตรียมออกใบสั่ง ซึ่งเจ้าของรถรู้สึก งง และได้ถามตำรวจจราจรว่า จุดนี้เป็นเส้นขาว-ดำ ทำไมจอดไม่ได้ ตำรวจจราจรตอบกลับว่า คุณต้องเดินไปดูป้ายห้ามจอดที่ตั้งไว้ นั้นหมายถึงป้ายถาวรที่หันป้ายออกทางถนน
ผู้ใช้รถจึงนำโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเพื่อจะถามเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรนายนั้นว่า งั้นขอถามหน่อยจะได้เตือนผู้ที่จะมาจอดในจุดนี้ว่าทำไมจอดไม่ได้ ทำให้ ตำรวจจราจรไม่พอใจและคิดเองว่าเจ้าของรถกำลังไลฟ์สด จึงได้ต่อว่าและบอกกับเจ้าของรถว่า “ตอนแรกก็จะเตือนแต่เมื่อไลฟ์สดก็เอาใบสั่งไปก็แล้วกัน” และผมไม่อนุญาตให้คุณถ่าย ซึ่งเจ้าของรถบอกว่าไม่ได้ไลฟ์สดแต่ต้องการถามว่าทำไมจุดนี้จอดไม่ได้เพราะป้ายห้ามจอดมองไม่เห็นและป้ายทำไมไม่นำมาวางบนถนน และเมื่อเดินไปดูป้ายตามที่ตำรวจจราจรบอกก็พบว่าป้ายตั้งที่ควรจะตั้งบริเวณถนนถูกเก็บซ่อนไว้บนฟุตบาทถึง2ป้าย
“ถามว่าค่าปรับเราเสียดายไหม บอกเลยเสียดายแต่หากเราทำผิดก็ไม่เคยขอ พร้อมจ่าย แต่ที่ไม่สบายใจคือกริยามารยาทของตำรวจจราจร และ การปฎิบัติ หากอ้างกฎหมายผู้ถือกฎหมายก็ต้องทำตามกฎหมายด้วย คนที่ไม่เคยมาจอด ตามกฎหมายเส้นขาว-ดำ คือจอดได้ หากนอกเหนือจากนั้นซึ่งจะเป็นคำสั่งพิเศษก็ต้องทำให้ประชาชนเห็นชัดเจน กรณีนี้ป้ายที่ควรจะตั้งทำไมนำไปซ่อนไว้ไม่นำมาตั้งให้เห็นเด่นชัด จุดประสงค์เพื่ออะไร เพื่อให้คนที่เคยมาจอดเพราะเห็นว่าเป็นเส้นขาว-ดำ และมองไม่เห็นป้าย มาจอดแล้วมาจับปรับใช่ไหม”และในวันต่อมาผู้สื่อข่าวก็ได้ลงพื้นที่ ณ จุดเดิม คือหน้าตลาดสดหลักเมืองในเวลา 07.15 น. ก็พบว่าป้ายแผงเหล็กที่มีคำว่า ห้ามจอด และ ห้ามจอดในเวลา 07.00-08.00 น. ถูกกนำกลับมาตั้งบนถนนแล้ว.