จังหวัดลำปางเปิดโครงการแว่นตาผู้สูงวัยในในสมเด็จพระเทพรัตนฯ

 

ณ.หอประชุมที่ว่าการอำเภองาว กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ วันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 เวลา 09.30 น. นายอนุกูล ปีดแก้ว อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ มอบหมายให้ นายอรรคพงษ์ ศรีสุบัติ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาสังคม ร่วมเป็นเกียรติกล่าวบูรณาการดำเนินการจัดโครงการ “แว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ” โดยมีนายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานในพิธีเปิด.

นางธิติพร จินดาหลวง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง กล่าวรายงานความเป็นมาของมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทยและการจัดโครงการฯ นายบุญส่ง ไตรภูธร ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ บริษัท แว่นท็อปเจริญ จำกัด นำเสนอความเป็นมาของโครงการฯ และนายวันชัย เกตุแก้ว นายอำเภองาว กล่าวต้อนรับ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการเป็นหน่วยงานคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้สูงอายุด้อยโอกาสที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปี ขึ้นไปที่ประสบปัญหาด้านสายตา และไม่สามารถเข้ารับการตรวจสายตาหรือตัดแว่นตาได้ เนื่องจากปัญหาค่าใช้จ่าย
ในครอบครัว นอกจากนี้ยังมีปัญหาทางโรคสายตาอื่น ๆ ร่วมอยู่ด้วย เช่น โรคต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม เป็นต้น
ต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาและมีค่าใช้จ่ายสูง จึงทำให้บางคนละเลยปัญหาเหล่านี้.

โดยห้างแว่นท็อปเจริญสนับสนุนทีมผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมืออันทันสมัยในการตรวจวัดสายตา และประกอบแว่น จำนวน ๔๐๐ คน ทั้งนี้ ภายในงานมีกิจกรรมให้บริการความรู้ด้านสวัสดิการสังคม การพัฒนาอาชีพ และให้บริการสวัสดิการสังคม
จากหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้แก่ ศูนย์พัฒนาราษฎร
บนพื้นที่สูงจังหวัดลำปาง ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดลำปาง นิคมสร้างตนเองกิ่วลม จังหวัดลำปาง และหน่วยงานทีม One Home ร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่อำเภองาว จังหวัดลำปางทั้งนี้ โครงการ “แว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ” เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย และห้างแว่นท็อปเจริญ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552.

จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาทั้งสิ้น 13 ปี เพื่อสนองพระราชประสงค์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเล็งเห็นความสำคัญและต้องการช่วยเหลือผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถประกอบอาชีพและเลี้ยงดูตนเองได้ ไม่เป็นภาระต่อบุตรหลานและยังสามารถเลี้ยงดูบุตรหลานได้ด้วย ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นสำหรับผู้สูงวัยที่เข้าร่วมโครงการฯ