“โครงการแว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ” ช่วยเหลือผู้สูงวัยที่มีอายุ ๔๕ ปีขึ้นไป ให้มีคุณภาพชีวิตด้านสายตาที่ดีขึ้น

 

วันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการร่วมกับมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย และห้างแว่นท็อปเจริญ จัด “โครงการแว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ” ช่วยเหลือผู้สูงวัยที่มีอายุ ๔๕ ปีขึ้นไป ด้านสายตาและอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารเข้ารับบริการตรวจวัดสายตาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถประกอบอาชีพและเลี้ยงดูตนเองได้ดีขึ้น.

โดยโครงการจัดขึ้นเพื่อสนองพระราชประสงค์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล็งเห็นความสำคัญและต้องการช่วยเหลือผู้สูงวัย ผู้ด้อยโอกาสที่มีอายุตั้งแต่ ๔๕ ปี ขึ้นไป ที่ประสบปัญหาด้านสายตา และโรคตาอื่น ๆ ได้แก่ โรคต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม เป็นต้น ไม่สามารถเข้ารับการตรวจสายตา ตัดแว่นตา หรือเข้ารับการผ่าตัดรักษาได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูง และเป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพ จึงมุ่งมั่นช่วยเหลือผู้สูงวัยที่มีปัญหาด้านสายตา ให้มีสุขภาพดวงตาที่ดีขึ้นมองเห็นชัดเจน นำทีมโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาพร้อมเครื่องมือครบครันทันสมัยจากห้างแว่นท็อปเจริญ.

โดยมี นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ นางธิติพร จินดาหลวง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง เป็นผู้กล่าวรายงานความเป็นมาของมูลนิธิสงเคราะห์เด็กและสภากาชาดไทย มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้สูงวัยด้อยโอกาสที่มีปัญหาด้านสายตาเข้ารับการตรวจวัดสายตาและประกอบแว่นตาฟรี จากแว่นท๊อปเจริญ จำนวน ๔๐๐ คน ภายในงานมีกิจกรรมให้บริการความรู้ด้านสวัสดิการสังคม การพัฒนาอาชีพ และให้บริการสวัสดิการสังคมจากหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หน่วยงานทีม One Home ลำปางและภาคีเครือข่ายในพื้นที่อำเภองาว จังหวัดลำปาง.

ทั้งนี้ โครงการ “แว่นตาผู้สูงวัยในสมเด็จพระเทพรัตนฯ” เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย และห้างแว่นท็อปเจริญ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาทั้งสิ้น ๑๓ ปี เพื่อสนองพระราชประสงค์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเล็งเห็นความสำคัญและต้องการช่วยเหลือผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถประกอบอาชีพและเลี้ยงดูตนเองได้ ไม่เป็นภาระต่อบุตรหลานและยังสามารถเลี้ยงดูบุตรหลานได้ด้วย ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นสำหรับผู้สูงวัยที่เข้าร่วมโครงการฯ.