เมื่อเวลา17.00 น.วันที่ 7ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านเลขที่ 190 หมู่ที่ 9 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูนหลังได้รับการร้องเรียนจากนางไพรวัลย์ ทะสุใจ อายุ 58 ปี โดยเมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงพบว่าคุณป้าไพรวัลย์และสามีซึ่งเป็นผู้พิการตาบอดสองข้างทั้งคู่โดยทั้งสองคนประกอบอาชีพเป็นหมอนวดแผนโบราณพร้อมทั้งมีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านมาให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่ง
โดยคุณป้าไพรวัลย์เปิดเผยทั้งน้ำตาว่าหลายปีมานี้ตนเองได้นำเงินจากการที่นวดแผนโบราณเก็บเล็กผสมน้อยไปฝากกับสถาบันจัดการเงินทุนชุมชนหมู่บ้านห้วยแหนพัฒนาหรือพูดง่ายๆคือธนาคารหมู่บ้านรวมแล้วสองหมื่นหกพันกว่าบาทซึ่งมีทั้งบัญชีแบบฝากถอนได้ทุกวันศุกร์ และบัญชีเงินสัจจะต้องออมทุกเดือนแต่ต่อมาธนาคารหมู่บ้านเกิดปัญหาเงินหายไปจากระบบหรือพูดง่ายๆก็คือมีแต่ตัวเลขคงเหลือแต่เงินสดไม่มีทำให้สมาชิกไม่สามารถถอนเงินได้ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเพราะช่วงโควิดตนก็ไม่มีงานหวังจะถอนเงินมาใช้ประทังชีวิตก็ถอนไม่ได้ชาวบ้านรวมตัวไปแจ้งความเรื่องผ่านมาสองปีคดีก็ไม่คืบหน้า และถึงกับร้องไห้ออกมาและตัดพ้อว่าทำไมถึงต้องมาทำกันแบบนี้ไม่สงสารคนตาบอดที่หาเช้ากินค่ำบ้างเลยเหรอที่ผ่านมาพยามไปขอเงินคืนจากคณะกรรมการแต่เขาก็บอกว่าไม่มีเงินตนเองดิ้นรนมาสองปีร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ก็ไม่คืบหน้าตอนนี้เดือดร้อนต้องการเงินของตนเองคืนเท่านั้น.
ด้านนายณรงค์กร คำแปง อายุ58ปี อดีดผู้ใหญ่บ้านเปิดเผยว่าหลายปีที่ผ่านมาลูกบ้านกว่าสี่ร้อยคนได้นำเงินไปฝากกับสถาบันจัดการเงินทุนชุมชนหมู่บ้านห้วยแหนพัฒนาโดยสถาบันได้รวมเงินกองทุนทั้ง 8 กองทุนไว้ด้วยกัน ด้วยการส่งเสริมของสนง.พัฒนาชุมชน และมีคณะกรรมการดูแลจำนวน 14 คน โดยมีนางบุญเทียมเป็นประธานกลุ่ม โดยเริ่มต้นจากเงินเจ็ดแสนกว่าบาท มีบัญชีแบบฝากถอนได้ทุกวันศุกร์ และเป็นแบบเงินสัจจะที่ฝากประจำทุกเดือน จนกระทั่งต้นเดือน ม.ค.62 ประธานกลุ่มมีการสรุปบัญชีการเงินของปี 61 ต่อหน้าชาวบ้านมีเงินกว่าหกล้านบาท แต่ปรากฏว่าต่อจากนั้นไม่กี่เดือนเงินก็ขาดสภาพคล่องสมาชิกเริ่มถอนเงินไม่ได้ทั้งที่ตอนแจงตัวเลขต่อหน้าชาวบ้านว่ามีเงินถึงหกล้านกว่าบาทแต่กลับไม่มีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารจนสุดท้ายก็ไปพูดคุยกับประธานกลุ่มและกรรมการแต่เขาก็อ้างว่าไม่รู้เงินหายไปได้อย่างไรสุดท้ายจึงไปขอความช่วยเหลือจากธนาคารออมสินมาช่วยสางบัญชีให้ปรากฏว่าเบื้องต้นมีเงินหายไปจากระบบประมาณกว่าสี่ล้านบาทต่อมามีทั้งจนท.จากหลายภาคส่วนมารับฟังปัญหาแต่ทางกรรมการชุดเดิมก็ชี้แจงได้ไม่ชัดว่าเงินหายไปได้ยังไงหรือทำผิดพลาดอย่างไรทำให้ชาวบ้านบางส่วนจำนวน 264 ราย มูลค่าที่เสียหายกว่าสามล้านบาท ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ตนไปแจ้งความที่ สภ.ลี้ ตั้งแต่สองปีก่อนแต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าเท่าไหร่ล่าสุดอัยการมีคำสั่งให้ตำรวจสอบสวนใหม่ทำให้เรื่องล่าช้าจึงทำให้ชาวบ้านไปร้องสื่อมวลชนดังกล่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านประธานสถาบันจัดการเงินทุนชุมชนหมู่บ้านห้วยแหนพัฒนา เบื้องต้นไม่ขอให้ข่าวใดๆเพราะเรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรมอยู่ แต่ขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้นำเงินไปใช้และต้องการให้มีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบบัญชีที่เป็นกลางมาสางบัญชีให้.
ภาพ-ข่าว ชัชวาลย์ คำไท้ ผู้สื่อข่าวจังหวัดลำพูน.