นครนายก- มิจฉาชีพอ้างแก้เคล็ดหลอกครูเกษียณ สูญเงินกว่า 33 ล้านบาท

 

ที่หมู่6 ต.เกาะโพธิ์ อ.ปากพลี จ.นครนายก เป็นบ้านปูนชั้นเดียว บนเนื้อทีกว่า 10 ไร่ เป็นบ้านของครูเกษียณราชาการมีที่นาให้เช่าและรถเกี่ยวข้าวให้เช่า(ไม่ประสงค์บอกบ้านเลขที่และชื่อ นามสกุล) มีชาวบ้านรวมตัวกันกว่า 10 คน เพื่อต้องการร้องสื่อมวลชนว่าโดน นางสาวปรารถนา เชียงใหม่ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 1 ต.ท่าเรือ อ.ปากพลี จ.นครนายก หลอกทั้งยืมเงินและเล่นแชร์เชิดเงินจำนวนหลายล้านบาทและยังหลอกครูเกษียณราชการเพื่อซื้อ-ขายที่ดิน สูญเงินกว่า 32 ล้านบาท.


จากการสอบถามครูเกษียณราชการ ได้เล่าให้ฟังว่าตนเองรู้จักกับ นางสาวปรารถนา เชียงใหม่ ชื่อเล่น กุ้ง ตั้งแต่ปี 2553 สามีของ น.ส กุ้ง ได้มาขับรถเกี่ยวข้าวให้ตนเอง ส่วน น.ส. กุ้ง ไม่ได้มีงานทำก็ได้เข้าออกบ้านตนเองเป็นประจำจนสนิทสนมกัน จนไว้วางใจ น.ส.กุ้ง จนทำงานมาจนถึงปี 2560 น.ส.กุ้งก็ได้บอกกับตนเองว่ากำลังจะไปขายที่ดินให้กับคนชื่อ คณิตตา แล้วได้ไปนั่งรอที่ ที่ดินนครนายกและบังเอิญได้ไปนั่งใกล้กับแม่ชีชื่อมาลี แล้วแม่ชีก็ได้ทักเหมือนดูดวงให้ น.ส.กุ้ง แม่นมาก จึงมาเล่าให้ตนเองฟังว่าแม่ชีมาลีดูดวงแม่นจึงให้เบอร์โทรกับตนเองลองโทรไปหาก็ดูดวงให้กับตนเองตรงมากๆ จนให้ตนเองเกิดความศรัทธา จน น.ส.กุ้ง มาบอกกับตนเองว่ามีที่ดินใกล้ๆกับที่ดินของ น.ส. กุ้ง จะขายมีจำนวน 33 แปลง 415 ไร่ จึงชวนให้ตนเองไปลงทุนร่วมกัน เพื่อซื้อไปและนำมาขายให้กับคนชื่อกขายแพง ตนเองจึงนำเงินให้กับ น.ส.กุ้ง ไปวางมัดจำที่ดินไว้ ที่ละ 200,000 ถึง300,000 บาท ตั้งแต่ ปี 2560-2564 เป็นจำนวนเงินกว่า 23 ล้านบาท พอตนเองถามถึงโฉนดที่ดิน น.ส.กุ้ง ก็บ่ายเบี่ยงว่าโฉนดยังอยู่กับคนอื่นอยู่และที่สำคัญการซื้อที่ดินแปลงไหนที่มีราคาแพงหรือมีการซื้อ-ขายยาก น.ส.กุ้ง ก็จะให้ตนเองโทรไปปรึกษาแม่ชีมาลีว่าให้ทำอย่างไร ทางแม่ชีก็จะแนะนำตนเองว่าที่ดินแปลงไหนที่แพงหรือซื้อ-ขายยาก ให้ตนเองทำพิธีนำเงินไปฝังไว้ในพื้นดิน บริเวณบ้าน ก็จะทำให้ซื้อขายสะดวก ตนเองก็ทำตามที่แม่ชีบอก โดยนำเงินใส่ถุงและนำไปฝั่งไว้ริมรั้วบ้าน แปลงไหนที่มีราคาแพงให้ฝังเยอะหน่อย ซึ่งตั้งแต่เริ่มซื้อ-ขายที่ดินตนเองก็ฝังไปแล้วกว่า 50 ครั้ง มี 2-3 ครั้ง ที่ฝังเงินถึง 1 ล้าน บาท ส่วนครั้งอื่นๆก็ประมาณหลักแสนบาท รวมเป็นเงินที่ฝังดินกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งแม่ชีได้บอกกับตนเองว่าถ้าจะเอาเงินขึ้นต้องทำพิธีนำเงินขึ้นก่อน ตนเองจึงไม่กล้านำเงินขึ้นมาเอง จนช่วงปีใหม่ตนเองจำเป็นต้องใช้เงินก็บอกกับ น.ส. กุ้งให้มานำเงินขึ้นให้ที น.ส.กุ้งก็มาขุดหลุมที่ฝังเงินให้ขึ้นมา แต่ไม่ให้ตนเองแกะห่อเงินออก แต่กลับบอกให้เอาไปฝังอีกหลุมหนึ่งก่อนเพื่อเป็นการล้างหน้าเงินแล้วค่อยแกะห่อเงินออก ตนเองก็เชื่อต่อมาตนเองก็บอกให้ น.ส. กุ้งมาเปิดห่อเงินที่ฝังไว้ แต่กับติดต่อกับ น.ส. กุ้งไม่ได้เลย พอช่วงบ่ายๆของวันที่ 18 ม.ค.65ตนเองจึงเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ปากกพลี จ.นครนายกและตำรวจก็มาดูสถานที่ฝังเงินและตำรวจจึงนำห่อเงินที่ฝังหลุมขึ้นมาแกะดูพบว่าเป็นเพียงแค่เศษกระดาษอยู่ในถุงพลาสติกไม่มีเงินอยู่ในหลุมที่ฝังเงินซักบาทเดียวและต่อมาจึงได้ทราบว่าน.ส.กุ้ง กับแม่ชีมาลี เป็นคนเดียวกัน ทาง สภ.ปากพลีจึงแจ้งกับตนเองว่าจะรีบนำตัวน.ส. กุ้งมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด.

ต่อมาก็ยังมีชาวบ้านที่ถูกน.ส.กุ้ง ยืมเงินไปแล้วที่ไม่ยอมคืนเงินให้อีกหลาย 10 รายในส่วนนั้นก็มีนายชวน นุ่มนวลอายุ 78 ปี ถูก น.ส.กุ้งยืมเงินไปอีก 900,000 บาท ขอยืมไปซื้อรถเทรลเลอร์แล้วจะคืนเงินให้ภายใน 7 วันแต่พอถึงวันที่นัดแล้วก็ยังไม่นำเงินมาคืนซึ่งตนเองนั้นเดือดร้อนมากเพราะเป็นเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตเพราะความเชื่อใจจึงให้ยืมไปและยังมีผู้เสียหายเกี่ยวกับยืมไปซื้อรถเทรลนเลอร์อีก 2 รายที่ยืมเงินไปรวม 380,000 บาท
และมีผู้เสียหายอีกกว่า 10 คนที่ถูกน.ส กุ้ง ยืมเงินไปแล้วไม่นำมาคืนอีกหลายล้านบาทจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบนำตัวน.ส. กุ้งมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด.

 

cr.อำพล เทียนงาม นครนายก