เกษตรกรชาวม้งจากบ้านไมโครเวฟดั้นด้นลงดอยมาหาเช่าพื้นที่ราบริมน้ำเพื่อปลูกพืชผัก ช้ำหนักเจอผลผลิตจากจีนตีตลาดจนขายไม่ออก ตัดสินใจตัดฟันทำลายทิ้งประชด บางส่วนต้องปล่อยทิ้งเน่าคาแปลง
หลังจากที่มีคลิปการตัดฟันทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวม้งรายหนึ่ง โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คไปเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นว่าพืชผลทางการเกษตรของจังหวัดแม่ฮ่องสอนขายกันไม่ได้ขนาดนี้เลยหรือ ซึ่งทางสื่อมวลชนได้ติดตามสอบถามจนทราบว่าเกษตรรายดังกล่าวคือ นายประสิทธิ์ เลาหลื่อ เป็นชาวเขาเผ่าม้งจากหมู่บ้านม้งไมโครเวฟ ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งปัจจุบันได้รวบรวมสมัครพรรคพวกอีกหลายราย ลงมาเช่าพื้นที่เพาะปลูกอยู่ในพื้นที่ริมน้ำ บ้านห้วยเดื่อ ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เนื่องจากแปลงเพาะปลูกบนดอยไม่มีน้ำเพื่อการเพาะปลูก จนต้องลงมาเช่าที่ของชาวบ้านที่พื้นราบลุ่มดังกล่าว ที่พบว่าเป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ในเนื้อที่กว่า 100 ไร่..
นายประสิทธิ์ เลาหลื่อ เปิดเผยถึงสาเหตุที่ต้องตัดทำลายแปลงปลูกผักกาดขาวทิ้งตามคลิปดังกล่าวนั้น เนื่องจากประสบกับปัญหาไม่มาสามารถตัดผักกาดขาวไปจำหน่ายได้ เพราะไม่มีตลาดรับซื้อ ราคาก็เหลือเพียงกิโลกรัมละ 1 บาท ประกอบกับเจอช่วงที่น้ำมันแพง ยิ่งกลายเป็นปัญหามากขึ้นไปอีก จากเดิมที่เคยตัดส่งป้อนเข้าตลาดทั้งที่อำเภอแม่สะเรียงและที่จังหวัดเชียงใหม่ มาถึงวันนี้ทุกอย่างหยุดชะงักไปหมด บางวันยอมเสี่ยงตัดและบรรทุกออกไปรอจำหน่ายก็ไม่มีพ่อค้ามารับซื้อ ต้องจอดรอความหวังจนผักเน่าคารถก็เจอมาแล้ว และยิ่งมาเจอช่วงตรุษจีนที่หวังว่าจะขายผักได้ราคาดี ก็ต้องมาเจอกับผักที่ทะลักมากับขบวนรถไฟจากจีนเทียบท่าที่ลาว แล้วกระจายมายังอีกหลายตลาดในประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่ตลาดที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเจอทางตันแบบนี้ก็ต้องยอมตัดทิ้งเพื่อให้คนได้รู้ว่าเกษตรกรเริ่มจะไม่มีทางไปแล้ว ซึ่งผลผลิตของตนเองที่ต้องทำลายทิ้งไปมีมากกว่า 200,000 กิโลกรัม ไม่นับรวมกับรายอื่นๆ อีก สำหรับราคาที่พอจะให้เกษตรกรอยู่ได้นั้นต้องไม่น้อยกว่า 5-6 บาทต่อกิโลกรัม เพราะหลังการปรับขึ้นราคาสินค้าก็พบว่าปุ๋ยที่เคยซื้อกระสอบละ 700-800 บาท ได้ขยับตัวขึ้นไปอยู่ที่กระสอบละ 1,200-1,300 บาท หากรวมกับค่าเมล็ดพันธ์และค่าแรงแล้ว ถือว่าตอนนี้อยู่ไม่ได้ อยากจะวอนให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน.
cr.วิรัตน์ นันทะพรพิบูลย์ จ.แม่ฮ่องสอน