จากกรณีที่เกิดเหตุชายเมาสุราขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างเสียหลักตกไหล่ทางช่วงโค้งวัดโป่งไผ่ หมู่ 7 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 22 ธ.ค. 2564 จนไม่สามารถไปต่อได้ อาสาสมัครกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถานได้ให้การช่วยเหลือ แต่ในระหว่างการให้การช่วยเหลือ ชายเจ้าของรถซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาได้ด่าทอเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ฯ ขั้นถึงพ่อแม่และให้ของลับ จนเกิดการชกต่อย ซึ่งขณะนั้น นายไพโรจน์ ท่าหิน อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 7 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งพิการเป็นใบ้ กำลังช่วยงานอยู่ในวัดเห็นจึงเดินออกไปห้ามเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยไม่ให้ทำร้ายชายคนดังกล่าว แต่ปรากฏว่า เพื่อนๆของอาสาสมัคร ฯ ที่ชกต่อยชายเจ้าของรถเห็นคิดว่านายไพโรจน์ จะเข้าไปช่วยชาย เจ้าของรถจึงเข้าไปรุมชกเตะต่อยจนล้มลุกคลุกคลานจนมีคนเห็นเหตุการณ์เข้าไปช่วยแยกย้ายออกไป
แต่ไม่ทันจบกลุ่มอาสาสมัครที่รุมทำร้ายชายเจ้าของรถกับหนุ่มพิการได้เข้าไปรุมทำร้ายอีกนับสิบคนจนมีกลุ่มวัยรุ่นที่เห็นเหตุการณ์ทนไม่ไหวพากันเข้าไปช่วยหนุ่มใบ้จนเกิดการตะลุมบอนก่อนที่จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชายสองคน ซึ่งชาวบ้านบอกว่าเป็นอาสาสมัครทั้ง2 คน คนหนึ่งบาดเจ็บกรามหัก ส่งตัวรักษาที่ รพ.นครนายก อีกคนได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย ส่วนนายไพโรจน์ ท่าหิน หนุ่มใบ้ รับบาดเจ็บปากฉีกใบหน้าเขียวช้ำ รวมทั้งที่เบ้าตาซ้าย ถูกนำส่ง รพ.ศรีมหาโพธิ แพทย์ลงความเห็นดวงตาได้รับผลกระทบมีเลือดครั่ง หลังเกิดเหตุ ทุกฝ่ายพากันไปแจ้งความ กับ ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ สินทร รอง สารวัตรสองสวน สภ.ศรีมหาโพธิ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความและเตรียมเรียกทุกคนมาสอบปากคำในวันจันทร์ที่ 27 ธ.ค. 2564 นี้
เมื่อช่วงเที่ยงผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ นายไพโรจน์ ท่าหิน หนุ่มใบ้ และ นางสาวกลอยใจ ท่าหิน ว่าที่ ส.อบต.ที่วัดโป่งไผ่เพื่อขอข้อมูล โดยที่นายไพโรจน์ได้รายละเอียดผ่านนางสาวกลอยใจ ล่ามภาษามือว่า ขณะที่ยืนอยู่เห็นเหตุการณ์รุมทำร้ายจึงออกไปช่วยห้าม แต่กลับถูกกลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยทำร้ายจนล้มลงก่อนที่จะมีคนมาช่วยแล้วเกิดเรื่องราวรุกลามใหญ่โตตามที่เห็นในคลิป นางสาวกลอยใจบอกด้วยว่า พี่ชายเป็นคนมีจิตใจเอื้ออารีกับทุกๆคน ส่วนใหญ่จะมาที่วัดคอยช่วยเหลือหลวงพ่อ หรือคนที่มาทำงานบุญทุกงานโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน จนคนทั่วไปรู้จัก แต่ตนไม่รู้ว่าทำไมคนที่ทำกับพี่ชายจึงทำได้ลงคอ ทั้งที่เข้าไปห้ามแต่กลับถูกทำร้ายเสียเอง อยากจะบอกว่า คนที่มาทำกู้ภัยควรมีจิตสาธารณะ ต้องพยายามข่มใจอดกลั้นอดทนกับสิ่งต่างๆเพราะแต่ละคนที่ไปช่วยนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าจิตใจไม่เป็นสาธารณะก็ไม่ควรทำงานด้านนี้ ในส่วนขอพี่ชายตนนั้น อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปอย่างตรงไปตรงมาเพราะตนเกรงว่าเรื่องมันจะไม่เป็นไปตามความจริง อีกอย่างเรื่องผ่านมาสองสามวันยังไม่มีใคร มาพูดคุยหรือขอโทษแม้แต่ตำเดียว