ช่วงค่ำวานนี้ (20 ธ.ค.64) ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมืองเชียงใหม่ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รอง ผวจ.เชียใหม่ ได้เป็นประธานร่วมในพิธีปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารมทบ.33 ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมกว่า 500 นาย ออกตรวจสอบสถานประกอบการ ร้านค้าที่ให้บริการขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน ซึ่งต้องเป็นร้านที่ผ่านการประเมินในระบบ Covid Free Setting หลังจังหวัดเชียงใหม่ ไฟเขียวผ่อนคลายมาตรการในพื้นที่ 5 อำเภอนำร่อง
โดยจากการที่สถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลง และเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวได้ โดยผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาตามที่รัฐบาลได้อนุมัติให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดนำร่องการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างปลอดภัย สอดคล้องกับมาตรการทางสาธารณสุข ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยหลังการปล่อยแถว เจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจสอบร้านอาหารที่ผ่านการประเมิน และสามารถเปิดให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ถึง 5 ทุ่ม โดยเน้นตรวจสอบการปฏิบัติตามแนวทางกำหนด อาทิ ด้านแนวปฏิบัติด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม (COVID Free Environment) มีการจัดอุปกรณ์การบริโภคและอุปกรณ์เกี่ยวข้องเฉพาะบุคคล, ไม่จำหน่าย ในรูปแบบภาชนะที่มีโอกาสสัมผัสหรือใช้ร่วมกัน, ไม่มีกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การให้ชิม การเชียร์แขก/เชียร์ลูกค้า การเร่ขายสินค้า และ กิจกรรมที่มีลักษณะคล้ายกับสถานบริการ ได้แก่ การนั่งดริ้ง การเร่ร้องเพลงตามโต๊ะ, ไม่มีกิจกรรมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่มีการรวมกลุ่มเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และจำกัดระยะเวลาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อ 18 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา โลกออนไลน์ได้โพสต์ภาพกลุ่มคนนับร้อยคน ที่ไปใช้บริการร้านย่านถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 7 ยืนอยู่กันแบบหนาแน่นและแออัด ไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเสี่ยงต่อการเกิดคลัสเตอร์จากสถานบันเทิงเชียงใหม่อีกครั้ง หลังจากปลายปีที่แล้วก็เกิดคลัสเตอร์ใหญ่ในผับดังย่านเดียวกัน ทั้งนี้หลายฝ่ายออกมาตำหนิการไม่ปฎิบัติตามมาตรการของทางกรรมการควบคุมโรคฯ ของทางร้าน ที่ละเลยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ โดยในเรื่องนี้ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกมาเตือนล่าสุดว่า หากร้านเหล่านี้ปฎิบัติไม่ได้ อาจจะต้องปิดทั้งหมด โดยทางด้าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า สำหรับการจัดพิธีปล่อยแถวประชาสัมพันธ์ในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนในนโยบายของรัฐบาล ที่ได้มอบนโยบายให้ 17 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และจังหวัดเชียงใหม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยว จึงต้องมีการสร้างความตระหนักถึงมาตรการ D-M-H-T-T-A ที่เป็นมาตรการความปลอดภัยทางสาธารณสุข ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสถานประกอบการร้านอาหาร ซึ่งในส่วนของมาตรการที่จะดำเนินการนั้น จะมีการจัดชุดเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง รวมไปถึงเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ ในการลงพื้นที่เน้นการประชาสัมพันธ์เป็นหลัก เพื่อสร้างความตระหนักให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเว้นแต่หากมีการฝ่าฝืนหรือมีเจตนาที่จะกระทำผิดกฎหมาย หรือมีลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ก็จะมีการบังคับใช้กฎหมายตามระเบียบต่อไป
ขณะที่ทางด้าน นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในส่วนสถานการณ์ของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น ก็ถือว่ามีสถานการณ์ที่ดีขึ้นตามลำดับ ที่ตอนนี้มีผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับ 2 หลัก อย่างไรก็ตามจะต้องไม่มีการระบาดครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีก ซึ่งตอนนี้ด้วยมาตรการในระดับประเทศ ที่อยากให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศควบคู่ไปกับการควบคุมป้องกันโรค จึงมีมาตรการที่สำคัญในเรื่องของ Covid Free Setting สำหรับร้านค้าหรือร้านประกอบการ ที่จำเป็นจะต้องมีเรื่องของการจัดโครงสร้างต่างๆ ให้เอื้อต่อการป้องกันโรค โดยบุคลากรที่ให้บริการ ต้องฉีดวัคซีนครบทุกคน และต้องดำเนินการตรวจ ATK เป็นระยะ ส่วนผู้เข้ารับบริการในสถานประกอบการ ก็จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนหรือ ถ้าไม่ได้รับการฉีดวัคซีนก็จะต้องมีการตรวจ ATK ก่อนเข้าพื้นที่ อย่างไรก็ตามอยากขอความร่วมมือกับทางด้านผู้ประกอบการทุกแห่งในการปฏิบัติให้เกิด Covid Free Setting ในสถานประกอบการให้ได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ จังหวัดเชียงใหม่ก็จะสามารถควบคุมโรคได้ในลักษณะที่เป็นมาตรฐานได้นานที่สุด ซึ่งในส่วนของมาตรการในการรับมือช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทางจังหวัดก็ได้มีการเรียกประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทางผู้ประกอบการในการที่จะปฏิบัติตามมาตรการที่แจ้งไว้ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการทุกแห่งได้ดูแลร้านของตัวเองและเครือข่ายผู้ประกอบการด้วยกันเพื่อให้ปฎิบัติตามมาตรการ ให้ได้มากที่สุด.