Post Views: 1,072
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.00 น. ที่ สถานปฏิบัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ต.ต้นธงชัย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานงานบุญตามรอยศรัทธา ไหว้สาอริยสงฆ์เจ้าหลวงพ่อเกษม เขมโก ประจำปี 2565 ที่จัดขึ้นโดย มูลนิธิไตรลักษณ์เขมะภิกขุ ซึ่งมี นายไพรจิตร ธรรมโรจน์พินิจ ประธานมูลนิธิฯ จัดพิธี “สวดพระพุทธมนต์เพื่อถวายบูชาคุณพระอริยสงฆ์เจ้า หลวงพ่อเกษม เขมโก”
ในบริเวณพิธีสวดพระพุทธมนต์เพื่อถวายบูชาคุณพระอริยสงฆ์เจ้า 109 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก 28 พ.ย.2565)
มูลนิธิไตรลักษณ์เขมะภิกขุ โดย นายไพรจิตร ธรรมโรจน์พินิจ ประธานมูลนิธิฯ จัดพิธี “สวดพระพุทธมนต์เพื่อถวายบูชาคุณพระอริยสงฆ์เจ้า หลวงพ่อเกษม เขมโก” เพื่อน้อมสักการะรำลึกในวันครบรอบ 109 ปี ชาตกาล หลวงพ่อเกษม เขมโก พระอริยสงฆ์เจ้า ที่ชาวลำปางและชาวไทยเคารพศรัทธา
เดิมมีนามว่า เจ้าเกษม ณ ลำปาง เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 เป็นบุตรใน เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ) รับราชการเป็นปลัดอำเภอ กับ เจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง และเป็นราชปนัดดาในเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย ท่านสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ท่านเรียนรู้ภาษาบาลีจนสามารถเขียนและแปลได้ รวมทั้งสามารถแปลเป็นภาษาบาลีได้เป็นอย่างดี แต่ท่านไม่ยอมสอบเอาวุฒิ จนครูบาอาจารย์ทุกรูปต่างเข้าใจว่าพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก ไม่ต้องการมีสมณะศักดิ์สูง ๆ เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาเท่านั้น
หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสายวิปัสสนาธุระ ไม่ยึดติดแม้แต่สถานที่ ท่านได้ปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ตลอดชนชีพ ท่านปฏิบัติศีลบริสุทธิ์ตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่ติดยึดในกิเลสทั้งปวง ท่านเป็นพระที่เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดลำปางและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หรือแม้กระทั่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ก็ทรงมีความเคารพศรัทธาในความที่ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการท่านหลายครัง และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2536 หลวงพ่อเกษม เขมโก มรณภาพ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ซึ่งตรงกับวันจันทร์ แรม 11 ค่ำ เดือน 2 ปีกุน ยังความอาลัยเศร้าโศกเสียใจมายังหมู่สานุศิษย์ทั่วประเทศ ส่วนสรีระของท่านนั้นก็ยังความอัศจรรย์ด้วยเนื่องจากไม่เน่าเปื่อยเหมือนอย่างสังขารทั่วไป ทั้งยังเขียนป้ายบอกผู้ที่มาเคารพสรีระ ท่านด้วยว่าให้พนมมือไหว้ที่หน้าอกเพียงครั้งเดียวแล้วไม่ต้องกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์อย่างศพของพระเถระทั่วไปนับว่าท่าน นั้นถือสมถะเป็นอย่างมาก.